ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณดีขึ้นสนับสนุนให้เฟดสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อยในช่วงไตรมาส 1/2563 อย่างไรก็ดี แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก แต่ข้อตกลงดังกล่าวคงไม่ช่วยให้ภาคการผลิตสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากในข้อตกลงนี้ สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพียงเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าขั้นปลาย ขณะที่สินค้าขั้นกลางที่ใช้เป็นวัตถุดิบของภาคการผลิตยังคงถูกเก็บภาษีในระดับสูง อีกทั้งการค้าโลกยังคงชะลอลงจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำ ตลอดจนความไม่แน่นอนที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ/เศรษฐกิจขนาดใหญ่มีโอกาสจะปะทุขึ้นในระยะข้างหน้า โดยหากเครื่องชี้ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ไม่สามารถฟื้นตัวในระยะเวลาอันใกล้และการชะลอลงของภาคการผลิตส่งผ่านไปยังตลาดแรงงาน อาจกดดันให้เฟดพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกครั้งในช่วงไตรมาส 2/2563
ทั้งนี้ ต้องจับตาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (2019-nCoV) ซึ่งอาจส่งผลต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าของจีน และส่งผลกระทบต่อภาคการบริโภคทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯ โดยหากการระบาดลุกลามออกไป อาจส่งผลต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าที่จีนจะต้องซื้อสินค้าเพิ่มจากสหรัฐฯ มูลค่า 77 พันล้านดอลลาร์ฯ ในปีนี้ และ 123 พันล้านดอลลาร์ฯในปีหน้า ซึ่งหากจีนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงนี้ได้ อาจทำให้การเจรจาการค้าเฟสต่อไปล่าช้าออกไปอย่างยากที่จะคาดการณ์ได้
มองไปข้างหน้า เฟดมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อเป็นหลักประกันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือนพ.ย. นี้ เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในช่วงก่อนการเลือกตั้งมักจะสอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจที่ขยายตัวยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง