ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2563 ภาพรวมกำไรสุทธิของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะโตชะลอลง 3-6% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุจากการแข่งขันที่รุนแรงโดยจำนวนคู่แข่งเพิ่มขึ้นแต่คนไข้ที่มีศักยภาพกลับไม่เพิ่มตาม จึงกดดันต่อการเติบโตของรายได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังมีต่อเนื่องจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ เช่น ค่าใช้จ่ายบุคลากรทางการแพทย์
การลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและบริการเฉพาะทางเพื่อสร้างความแตกต่าง ฯลฯ
อย่างไรก็ดี โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งน่าจะยังมีกำไรเพิ่ม โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่อยู่ในทำเลไม่มีคู่แข่งและเน้นเจาะกลุ่มคนไข้ที่ใช้สิทธิรักษาพยาบาลของรัฐ ซึ่งในภาวะที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว คนไข้ที่ไม่มีประกันสุขภาพเอกชนและต้องจ่ายเงินสด น่าจะหันมาเลือกใช้บริการมากขึ้นและหากในปี 2563 มีการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลต่อหัวของประกันสังคม ก็น่าจะช่วยหนุนรายได้และทำกำไรให้กลุ่มนี้
ในระยะข้างหน้า เพื่อกระจายความเสี่ยงในการสร้างรายได้และทำกำไรของธุรกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นอกจากนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุน รวมถึงการรักษาคุณภาพการให้บริการแล้วผู้ประกอบการควรปรับกลยุทธ์โดยมองหาแหล่งรายได้ใหม่เข้ามาเสริม ซึ่งธุรกิจในกลุ่ม Non-hospital เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจร้านขายยา ธุรกิจนวดและสปา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น ซึ่งรายได้ที่มาจากกลุ่มนี้น่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป