ฝนที่ทิ้งช่วงทำให้ปริมาณน้ำในกว๊านพะเยาลดลงอย่างต่อเนื่อง บางจุดเห็นสันดอนโดยปริมาณน้ำในกว๊านพะเยา อยู่ที่ 9.34 ล้าน ลบ.ม.ลดลงใกล้ระดับที่ต่ำสุดในปี 2559 ที่อยู่ที่ 9 ล้าน ลบ.ม.
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเช่นเดียวกับหลายจังหวัด โดยกรมชลประทานรายงานระดับน้ำในกว๊านพะเยาขณะนี้ไม่สามารถจัดสรรให้ภาคารเกษตร ต้องหาแหล่งน้ำอื่นรองรับ เช่น การทำฝนเทียม และการขุดเจาะบ่อบาดาล ขณะที่น้ำเพื่อการอุปโภค - บริโภคเหลือผลิตเป็นน้ำประปาได้ไม่เกิน 4 เดือน หากไม่มีฝนตกเพิ่มพร้อมสั่งให้เกษตรอำเภอทุกจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตรก่อนกำหนดแนวทางบรรเทาช่วยเหลือต่อไป
ขณะที่ น.ส.หนึ่งหทัย ตันติพลับทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวว่า การทำฝนเทียมก่อนหน้านี้มีอุปสรรคจากสภาพอากาศร้อนจัดทำให้กลุ่มเมฆมีขนาดเล็กแม้จะพยายามกระตุ้นแต่ก็ไม่เกิดเมฆฝน หรือ มีฝนตกในปริมาณเล็กน้อย แต่จากปฏิบัติการทำฝนเทียมเมื่อวานนี้ (19 ก.ค.62) ใน จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา พบว่า ระดับความชื้นเพิ่มขึ้นช่วยให้โอกาสทำฝนเทียมประสบความสำเร็จมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธนาคารได้จัดทำมาตรการรับมือภัยแล้งสำหรับช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วง 3 มาตรการ 1.มาตรการสินเชื่อเงินด่วนให้กู้ได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR 7% 2.สินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้ประสบภัยธรรมชาติ รายละไม่เกิน 500,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 5 วงเงิน 5,000 ล้านบาท 3.พักชำระหนี้เพิ่มอีก 1 ปีการผลิต หากเข้าโครงการเกษตรประชารัฐ จากปัจจุบันที่พักชำระหนี้ได้ 3 ปี
