โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คาดตลาดหุ้นนิวยอร์ก-ลอนดอน-ฮ่องกงแชมป์! คนสนใจลงทุนมากสุดในปี 73

The Bangkok Insight

อัพเดต 18 เม.ย. 2562 เวลา 08.24 น. • เผยแพร่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 08.24 น. • The Bangkok Insight
คาดตลาดหุ้นนิวยอร์ก-ลอนดอน-ฮ่องกงแชมป์! คนสนใจลงทุนมากสุดในปี 73

“PwC” เผยรายงานพบตลาดหุ้น “นิวยอร์ก-แนสแด็ก-ลอนดอน และฮ่องกง จะได้รับความสนใจการลงทุนจากนักลงทุนมากที่สุดในปี 2573 ชี้ “ตลาดหุ้นไทย” ติดอันดับตลาดหุ้นที่จะมีบริษัทเข้ามาระดมทุนสูงที่สุดของโลก

นายบุญเลิศ กมลชนกกุล หัวหน้าสายงาน Clients and Markets และหุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี ด้านธุรกิจบริการทางการเงิน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Capital Markets in 2030 ที่ทำการสำรวจผู้บริหารจำนวนเกือบ 400 รายทั่วโลก พบว่า ตลาดหลักทรัพย์ในโลกที่นักลงทุนสนใจพิจารณาลงทุนมากที่สุดในปี 2573 นอกเหนือจากตลาดหลักทรัพย์ในประเทศของตนเอง ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก 37% ตามมาด้วยตลาดหุ้นแนสแด็ก 26% ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน 24% และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง 24% เท่ากัน

ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือได้ว่าเป็นแหล่งระดมทุนที่บริษัททั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ให้ความสนใจ เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ธุรกิจ ซึ่งข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2552-2561) มีบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่ทั้งในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวนทั้งสิ้น 305 บริษัท มีมูลค่าระดมทุนถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 770,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจ คือ การที่ตลาดหลักทรัพย์ของไทยติด 1 ในตลาดชั้นนำที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีบริษัทเข้ามาระดมทุนมากที่สุดในโลกในปี 2573 เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ และตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจไม่แพ้ตลาดอื่น ๆ เพราะเป็นแหล่งเงินทุนที่ให้ต้นทุนทางการเงินที่ถูก สภาพคล่องในการซื้อขายถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนหนึ่งเพราะคนไทยมีความรู้ทางการเงินเพิ่มขึ้นและหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนี้ กฎระเบียบต่าง ๆ ของหน่วยงานกำกับดูแล ก็ได้มีการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลักทรัพย์ที่เข้ามาจดทะเบียนนั้นมีคุณภาพมากขึ้น เชื่อว่าระยะยาวตลาดหุ้นไทยจะยิ่งดึงดูดการลงทุนของบริษัททั้งในและนอกประเทศ นอกจากนี้ แผนการสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของ ตลท.ก็น่าจะช่วยเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ดิจิทัลและสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดหุ้นไทยโดยรวมได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ หากพิจารณาจำนวนของบริษัทที่ต้องการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) พบว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน 55% เป็นประเทศที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีผู้ทำการระดมทุนมากที่สุดในปี 2573 ตามด้วยอินเดีย 45% สหรัฐอเมริกา 41% บราซิล 21% และสหราชอาณาจักร 18% แม้จะมีปัจจัยความกังวลเรื่องการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก็ตาม โดยทั้งจีนและอินเดีย ยังเป็น 2 ประเทศผู้นำในการจัดอันดับประเภทนี้จากผลสำรวจคราวก่อน

นอกจากนี้ สภาพคล่อง (Liquidity) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกสำหรับนักลงทุนในการเลือกแหล่งที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์เพื่อทำการเข้าจดทะเบียน โดยผู้ถูกสำรวจถึง 49% นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องของการประเมินมูลค่า (Valuations) 32% และต้นทุนในการจดทะเบียน 29% ก็มีผลต่อการตัดสินใจระดมทุนของบริษัท

ผลสำรวจยังชี้ด้วยว่าตัวเลือกในการระดมทุนของบริษัทได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา โดย 76% ของผู้ถูกสำรวจเชื่อว่าปัจจุบันมีตัวเลือกในการระดมทุนมากกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการระดมทุนในตลาด หรือนอกตลาด ทั้งในส่วนของตลาดที่พัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ นอกจากนี้ 55% ของผู้ถูกสำรวจ ยังมองว่าไพรเวทอิควิตี้ (Private Equity) หรือการลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (Private company) เป็นตัวเลือกของการระดมทุนนอกตลาดที่มีความน่าดึงดูดมากที่สุด

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0