สุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าสปอร์ตไลท์ทุกดวงน่าจะสาดแสงไปยังโรงละครแห่งความฝัน กับศึกแดงเดือด ครั้งที่ 202 และเป็นยกที่ 2 ของฤดูกาลนี้ (และคงเป็นยกสุดท้าย)
จากผลงานในยกแรกที่พลพรรค “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังถล่มเอาชนะ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ถึง 3-1 และเป็นเกมนัดสุดท้ายของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในการคุมปีศาจแดงเสียด้วย
แต่ทว่าหลังจากนั้นมา ปีศาจแดง เองก็อยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม การเข้ามาของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ พายูไนเต็ด เก็บชัยชนะรวดถึง 8 นัดติดต่อกัน และจาก 13 เกมล่าสุดนั้นแพ้แค่เกมเดียวให้กับ ปารีส แซงต์แชร์แมง
ในเกมยุโรปที่แพ้ให้กับเปแอสเชนั้น หลายคนก็พูดกันอยู่ว่า หรือจะเป็นช่วงสะดุดเพราะเจอของจริง (ที่เป็นของจริง) บ้างแล้ว แต่สุดท้ายพวกเขาก็เรียกความมั่นใจในการบุกไปเอาชนะ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ในเกมเอฟเอ คัพ มาได้
ส่วนทางฝั่งของ “หงส์แดง” หลังจากฟื้นไข้ถล่ม บอร์นมัธ ไป 3-0 ก็เว้นระยะเกือบ 10 วัน ไปเก็บตัวที่มาเบญ่า ก่อนจะกลับมาเสมอกับ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
หลายคนสงสัยว่า พักไปนาน เลยทำให้กลับมาฝืดรึป่าว เพราะเกมกับบาเยิร์นนั้นจังหวะเข้าทำเยอะมาก แต่จบสกอร์ไม่ได้ ทำให้พลาดโอกาสกุมความได้เปรียบจากการเล่นในบ้านเกมแรก
แต่ก็มีคนบอกว่า ก่อนเกมแดงเดือดหนแรก ลิเวอร์พูลก็ใช้โอกาสเปลืองแบบนี้กับ นาโปลี เหมือนกันแหละ แฟนหงส์ก็คงหวังว่ามันจะซ้ำรอยเหมือนนัดก่อนละกัน
ถ้าว่ากันตามปกติแล้ว เกมแดงเดือดไม่ว่าครั้งไหน ก็สำคัญสำหรับนักเตะและแฟนบอลกันทั้งนั้น เพราะเหมือนเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรี ผลงานทั้งฤดูกาลไม่สนใจ ขอแค่ 2 เกมเหย้า-เยือนนี้ ห้ามแพ้เท่านั้นพอ
แต่ครั้งนี้มันมีความสำคัญมากกว่าหลายๆ ครั้ง โดยเฉพาะกับปีศาจแดง นอกเหนือจากเรื่องของการล้างแค้นจากการแพ้แบบไม่มีทางสู้เมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้วนั้น ชัยชนะสำหรับเกมนี้ของยูไนเต็ด อาจจะส่งผลถึงการขัดขาไม่ให้หงส์แดง ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกเลยก็ได้
ส่วนหงส์แดง ชัยชนะนัดนี้ จะทำให้พวกเขากลับไปนำเป็นจ่าฝูงเหนือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบ 3 คะแนน โดยที่ลงเตะเท่ากัน โยนความกดดันที่พวกเขาบีบมาตลอดในช่วงเกือบ 1 เดือน กลับไปให้ซิตี้อีกครั้งหนึ่ง หรือถ้าหากเสมอ ก็จะเป็นการนำ 1 คะแนน ที่แม้จะดูไม่เยอะ แต่ก็ยังดีกว่าแต้มเท่าแน่นอน
ส่วนตัวยังเชื่อว่าเกมแดงเดือดครั้งนี้ น่าจะเดือดกว่าครั้งไหนๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และน่าจะได้เห็นปีศาจแดงเปิดเกมรุกแลกกับหงส์แดงบ้าง เพราะช่วงหลังในยุคของมูรินโญ่ มักจะตีหัวเข้าบ้านตลอด
แต่สิ่งที่ต้องรำลึกเอาไว้คือ ผลนัดนี้ไม่ใช่ตัวตัดสินฤดูกาล ยังเหลืออีก 11 เกมที่สถานการณ์ผลิกผันได้ตลอดเช่นกัน
ดังนั้นเชียร์ให้สนุก ไม่ต้องเครียดกันมากเด้อ
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
