โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คสช.อีสานฟันธง หลังโควิดโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม

77kaoded

เผยแพร่ 06 เม.ย. 2563 เวลา 12.40 น. • 77 ข่าวเด็ด
คสช.อีสานฟันธง หลังโควิดโลกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สิ่งแวดล้อม

อุบลราชธานี - วิเคราะห์อนาคตสังคมไทยในยุคหลังโควิด เศรษฐกิจจะถดถอย ช่องว่างทางสังคมลดลง แรงงานจะกลับบ้าน โลกออนไลน์เข้ามามีบทบาทในชีวิต หลายอาชีพต้องปรับตัว

นพพร พันธุ์เพ็ง คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ประธานมูลนิธิสื่อสร้างสุขและกรรมการสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบันว่า โรคติดเชื้อไวรัสCOVID-19 นั้นนับว่ามีความน่ากลัวกว่าHIV ตรงที่ผู้ป่วยไม่รู้ว่าตนเองได้รับเชื้อ ส่วนการติดเชื้อนั้นมาจากการที่ตนเองได้สัมผัสเชื้อแล้วมาจับใบหน้า ตา จูมก ปาก หรือแม้กระทั่งหยิบจับอาหารรับประทาน  โดยจังหวัดอุบลราชธานีมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคหรือPUI ถึง 117 ราย และสิ่งที่น่าคิดคือหากประเทศไทยตัดสินใจให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิตรวจหาเชื้อCOVID-19  ยอดผู้ป่วยอาจสูงกว่าปัจจุบันหรือไม่ เพราะขณะนี้ประเทศไทยเองนั้นเลือกที่จะตรวจหาเชื้อเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้น อย่างไรก็ตามไทยนับว่ามีความโชคดีอยู่ตรงที่ประเทศเป็นเมืองร้อนทมีอุณหภูมิสูงจึงทำให้เชื้อมีชีวิตอยู่ได้เพียง 2- 3 ชม. ซึ่งแตกต่างจากกประเทศโซนยุโรปและจีนที่มีอุณหภูมิต่ำเชื้อจึงแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วกว่า

ทั้งนี้ WHO มีคำแนะนำต่อประชาชนว่า เมื่อกลับเข้าบ้านควรนำรองเท้าไว้นอกตัวบ้านและอาบน้ำ ล้างมือ ด้านเสื้อผ้าที่สวมใส่ต้องแยกซัก แต่ในความคิดส่วนตัวนั้นได้มีการปฏิบัติเพิ่มขึ้นมาคือออกกำลังกายภายในบ้านของตนเองลดการออกจากบ้านเพื่อหยุดรับและแพร่เชื้อต่อ เพราะขณะนี้สิ่งที่เราต้องช่วยกันคือการประคับประครองสถานการณ์ให้ยอดผู้ป่วยคงที่ พร้อมภาวนาให้คิดค้นวัคซีนรักษาให้ได้เร็วที่สุด แต่ ณ วันนี้ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่าจะมียารักษาเมื่อใด

ซึ่งตอนนี้เองเราสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนถึงยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาCOVID-19 โดยมีวิธีทั้งหมด 3 วิธี  1) อยู่เฉยใช้ชีวิตแบบปกติ ยอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงและให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเอง ด้านเศรษฐกิจความเสียหายจะเล็กน้อย 2) social distancing เว้นระห่างทางสังคมหยุดการแพร่เชื้อเพื่อลดยอดผู้ป่วย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการรักษาของทีมแพทย์พยาบาล ด้านเศรษฐกิจจะเสียหายมาก 3) ปิดประเทศ งดให้ประชาชนออกจากบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่รุนแรงที่สุด ด้านเศรษฐกิจเสียหายหนักมากที่สุดแต่วิธีดังกล่าวจะเป็นหยุดยั้งเชื้อได้เร็วที่สุด

โดยในช่วงแรกประเทศไทยรัฐบาลเลือกที่จะใช้วิธีที่ 1 แก้ไขปัญหาแต่สถานการณ์กลับมีความรุนแรงมากขึ้นจึงทำให้ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้วิธีที่ 2 ซึ่งจากการวิเคราะห์แล้วสถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้นจนสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะต้องเลือกใช้วิธีที่ 3 นั่นคือการปิดประเทศแต่สิ่งที่นักระบาดวิทยากังวลใจ เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้นประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติเชื้อโรคจะกลับมาระบาดอีกครั้ง

ส่วนที่ว่าหลังเดือนเม.ย. สถานการณ์จะดีขึ้นไหม นพพร พันธุ์เพ็ง ได้อธิบายว่า หากดูจากสถิติผู้ป่วยเห็นได้ว่าขณะนี้ยอดผู้ป่วยในต่างจังหวัดมีจำนวนที่เพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากการเดินทางกลับจากต่างประเทศและจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยสถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ไปอีกสักพักจนถึงเดือนมิ.ย. และทั้งนี้ภาวนาให้สามารถหยุดการแพร่เชื้อให้ได้ก่อนฤดูฝน เพราะหากเข้าฤดูฝนแล้วจากการคาดการณ์สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น

ทั้งนี้ในมุมมองของ นพพร พันธุ์เพ็ง มองว่าอนาคตสังคมจะมีการปรับตัวเพื่อหาทางรอดมากขึ้น โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งด้านเศรษฐกิจโลกจะถดถอยใช้เวลาฟื้นตัวอย่างต่ำ 3-5 ปี ส่วนประเทศไทยที่มีรายได้หลักมาจาการส่งออกและท่องเที่ยวจะต้องมีการปรับโครงสร้างหันมาตีตลาดภายในประเทศ ด้านแรงงานในกรุงเทพจะหันกลับมาทำงานในบ้านเกิดตนเองและใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต อีกทั้งโครงสร้างโรงงานอุตสาหกรรมก็จะมีการปรับเปลี่ยนการลงทุนหันมาใช้เครื่องจักรแทนใช้แรงงานคนเพื่อลดความเสี่ยงด้านต่างๆ ส่วนการเรียนและการทำงานจะเน้นไปที่แบบออนไลน์มากขึ้นหลายอาชีพต้องตื่นตัวและพัฒนาทักษะความสามารถ

ในการออมประชาชนจะเห็นความสำคัญของเงินสำรองเริ่มมีการวางแผนการใช้จ่ายและภาครัฐจะหันมาอุดหนุนสร้างระบบประกันสังคม ประกันรายได้ เพื่อประชาชนมากขึ้น ทั้งนี้หลังจากวิกฤตครั้งนี้จบลงความเลื่อมล้ำและช่องว่างทางสังคมจะลดลง ด้านสิ่งแวดล้อมจะกลับมามีสภาพที่ดีขึ้นโลกาภิวัฒน์จะลดน้อยลง แล้วพฤติกรรมของมนุษย์เริ่มเปลี่ยนไปประชาชนเกิดความตื่นตัว จะมีการพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ดีขึ้นและโลกออนไลน์จะเปลี่ยนหน้าเป็นแหล่งความรู้ใหม่คนไทยได้เรียนรู้จากสื่อออนไลน์ทำให้อนาคตจะเกิดผู้รู้มากขึ้น

ชิษณุพงศ์ สุนทรพาณิชย์ เรียบเรียง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0