ควีนเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษมีพระบรมราชวินิจฉัยให้เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนคืนพระยศ "เจ้าฟ้า" แต่คงฐานันดร "ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์" ไว้ และจะต้องคืนเงินภาษีเกือบ 100 ล้านบาทที่ใช้ปรับปรุงพระตำหนักเมื่อปีที่แล้ว สื่อผู้ดีชี้เป็นการลงโทษที่ทั้งคู่เอาแต่พระทัย
แฟ้มภาพ เจ้าชายแฮร์รี และเมแกน มาร์เคิล ประทับรถยนต์พระที่นั่งภายหลังพิธีอภิเษกสมรสที่ปราสาทวินด์เซอร์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2561
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และสำนักพระราชวังอังกฤษมีแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มกราคมที่ผ่านมาตามเวลาอังกฤษ ประกาศบทสรุปของการหารือภายในอย่างเคร่งเครียดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหาทางออกภายหลังเจ้าชายแฮร์รี และเมแกน ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ทรงประกาศอย่างปุบปับเมื่อวันพุธที่ 8 มกราคม ว่าจะลดบทบาทสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูงและจะหารายได้เลี้ยงพระองค์เองโดยไม่พึ่งพาเงินภาษีประชาชน
ข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันอาทิตย์อ้างแถลงการณ์ของบักกิงแฮมว่า เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 35 ปี และเมแกน อดีตนักแสดงชาวอเมริกัน วัย 38 ปี จะสละพระยศ "เจ้าฟ้า" (รอยัลไฮเนส) และจะไม่ต้องปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะผู้แทนพระองค์อย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชินี โดยจะไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงจากเงินภาษีประชาชน และทั้งสองพระองค์จะคืนเงินภาษี 2.4 ล้านปอนด์ (ราว 94.85 ล้านบาท) ที่ใช้ในการปรับปรุงพระตำหนักฟร็อกมอร์คอตเทจภายในปราสาทวินด์เซอร์เมื่อปีที่แล้ว
การเรียกคืนพระยศเจ้าฟ้าซึ่งจะมีผลตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้ (ระหว่างเดือนมีนาคม-มิถุนายน) จะทำให้เจ้าชายแฮร์รีมีสถานะเป็นสามัญชนเช่นเดียวกับเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของพระองค์ ภายหลังทรงหย่ากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ พระบิดาของพระองค์ เมื่อปี 2539
อย่างไรก็ดี แม้จะโดนถอดพระยศเจ้าชาย แต่เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาจะยังคงฐานันดรดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ระหว่างที่ทั้งสองใช้ชีวิตระหว่างอเมริกาเหนือและอังกฤษ แต่จะไม่ต้องปฏิบัติพระกรณียกิจและการเสด็จไปในที่ต่างๆ ในฐานะผู้แทนพระองค์อย่างเป็นทางการอีกต่อไป รวมถึงต้องสละยศทหารในกองทัพ
สมเด็จพระราชินีนาถ ซึ่งมีพระชนมพรรษา 93 พรรษา มีพระราชดำรัสผ่านแถลงการณ์ว่า ภายหลังการสนทนากันหลายครั้งในช่วงหลายเดือนมานี้ และหารือกันเมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์ทรงยินดีที่สามารถหาทางออกที่สร้างสรรค์ร่วมกัน และสนับสนุนพระราชนัดดาของพระองค์และครอบครัว
"แฮร์รี, เมแกน และอาร์ชี จะยังคงเป็นสมาชิกที่รักยิ่งของครอบครัวข้าพเจ้าเสมอ" ควีนมีพระราชดำรัสในแถลงการณ์ที่ออกโดยสำนักพระราชวัง โดยกล่าวถึงพระราชปนัดดาที่เพิ่งมีประสูติกาลเมื่อปีที่แล้ว "ข้าพเจ้าตระหนักดีถึงความท้าทายที่พวกเขาต้องพานพบ จากการตรวจสอบอย่างหนักหน่วงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และสนับสนุนความประสงค์ของพวกเขาที่อยากมีชีวิตที่อิสระมากขึ้น"
ควีนตรัสถึงเมแกนด้วยว่า พระองค์มี "ความภูมิใจเป็นพิเศษ" ที่เมแกนสามารถปรับตัวเข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าชายแฮร์รีเคยประทานสัมภาษณ์แก่สื่อโทรทัศน์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า พระองค์และเมแกนต้องดิ้นรนรับมือกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของสื่อ พระองค์รู้สึกว่าเมแกนกำลังโดนพวกหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ "รังแก" เดือนเดียวกันนั้นทั้งคู่ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์หลายฉบับฐานละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เจ้าชายยังเคยทรงยอมรับด้วยว่า พระองค์มีปัญหาไม่ลงรอยกับเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐา และช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา เจ้าชายแฮร์รีทรงเลือกใช้ช่วงเวลานั้นฉลองกับเมแกนและมารดาของเธอที่แคนาดา
ภายหลังคำประกาศช็อกบักกิงแฮมว่าทั้งคู่ต้องการความเป็นอิสระมากขึ้นและหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง สมเด็จพระราชินีพร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และเจ้าชายวิลเลียม ทรงประชุมหารือกับเจ้าชายแฮร์รีเมื่อวันที่ 13 มกราคม ครั้งนั้นสำนักพระราชวังแถลงว่าการหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นมิตร แม้รอยเตอร์จะอ้างแหล่งข่าวในวังว่า ควีนและเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ทรงเสียพระทัยและผิดหวังกับคำประกาศของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนโดยไม่ได้ขอคำปรึกษาจากวังก่อน
บรรดาผู้ให้ทัศนะเกี่ยวกับราชวงศ์กล่าวกันว่า การสละพระยศของเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 6 ก็เหมือนกับการสละราชบัลลังก์ แม้จะผ่านถ้อยคำที่เป็นมิตร แต่แสดงให้เห็นว่าควีนทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยที่หนักแน่นและเด็ดขาด
สื่อของอังกฤษหลายแห่งตีความด้วยว่า พระบรมราชวินิจฉัยนี้เป็นการลงโทษพฤติการณ์ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกน
แถลงการณ์ของบักกิงแฮมยังไม่ได้ให้ความชัดเจนทั้งเรื่องงบประมาณในการดูแลความปลอดภัยและการจ่ายภาษีของทั้งคู่ภายหลังถอดพระยศแล้ว ขณะที่นายกฯ จัสติน ทรูโด ของแคนาดา ซึ่งครอบครัวซัสเซกซ์จะไปใช้ชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่ ก็ยังไม่ให้ทัศนะเกี่ยวกับแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ การใช้ชีวิตอยู่นอกอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ยังจะส่งผลต่อการขอสัญชาติอังกฤษของเมแกนด้วย.
