บางครอบครัวมีลูกชาย บางครอบครัวมีลูกสาว และบางครอบครัวมีทั้งลูกชายและลูกสาว การเลี้ยงดูลูกชายและลูกสาวมีความแตกต่างกัน ทั้งทางด้านกายภาพลักษณะนิสัย พัฒนาการ รวมถึงความคิด
วันนี้ M.O.M เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงลูกชายกับเลี้ยงลูกสาว ให้คุณพ่อคุณแม่เห็นภาพชัดเจนขึ้น
1. สอนลูกชายให้เกียรติผู้หญิง
และสอนลูกสาวให้รักษาสิทธิในร่างกาย
ลูกชาย: สอนให้รู้จักดูแล ปกป้อง และคุ้มครอง แม่ พี่สาว น้องสาว รวมถึงเพื่อนผู้หญิง และที่สำคัญคือสอนไม่ให้รังแก หรือเล่นแรงกับผู้หญิง ยกตัวอย่างเช่น ขออนุญาตเพื่อนผู้หญิงก่อนจะจับมือ และจับด้วยความอ่อนโยน
ลูกสาว: สอนให้ระมัดระวังตัวไม่ให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวโดยง่าย รวมถึงสอนให้ลูกเอาตัวรอดจากสถานการณ์ต่างๆ สอนให้รู้จักปัดป้องและร้องตะโกนให้คนช่วย
2. เลี้ยงลูกชายให้เสริมทักษะทางภาษา
และเลี้ยงลูกสาวให้เสริมทักษะทางการเคลื่อนไหวร่างกาย
ลูกชาย: เด็กผู้ชายเพศชายอาจมีพัฒนาการทางด้านภาษาช้ากว่าเด็กเพศหญิง คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมทักษะได้ด้วยการพูดคุย อุ้ม และสบตาเพื่อสื่อสารกับลูกบ่อยๆ
อีกวิธีที่จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการทางภาษาได้ดี คือเมื่อลูกพูดแล้ว ลองพูดย้ำคำพูดของลูกและเพิ่มคำใหม่เข้าไป เช่น เมื่อลูกพูดว่า “นั่น รถ” คุณอาจจะตอบว่า “ใช่แล้ว นั่นรถ เป็นรถสีแดงแบบที่ลูกชอบ”’
ลูกสาว: เด็กผู้หญิงมักนั่งเล่นของเล่นอยู่กับที่ แล้วพูดเจื้อยแจ้วไปตามจินตนาการ คุณพ่อคุณแม่ต้องเสริมทักษะทางการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการชวนลูกออกไปเล่นกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหว เช่น ปั่นจักรยาน วิ่งไล่จับ หรือก่อกองทราย
3. ลูกชายแยกแยะความแตกต่างของสภาพแวดล้อม
แต่ลูกสาวจดจำใบหน้าคนได้ดี
ลูกชาย: เด็กผู้ชายจะสนใจสิ่งรอบตัว พยายามเก็บรายละเอียดสิ่งต่างๆ จึงสามารถแยกแยะความแตกต่างของสภาพแวดล้อมได้ดี
ลูกสาว: เด็กผู้หญิงมักจะเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้รวดเร็ว มีพัฒนาการทางด้านสายตาดี สามารถจ้องหน้าและรับรู้รูปลักษณ์ใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ได้ดี แถมยังแยกแยะอารมณ์ทางสีหน้าของคุณพ่อคุณแม่ได้ด้วย
4. สอนลูกชายให้ใช้ชีวิตไม่ประมาท
และสอนลูกสาวให้นับถือตัวเอง
ลูกชาย: เด็กผู้ชายชอบความตื่นเต้นท้าทาย ชอบเล่นแรงๆ หรือการละเล่นที่ใช้กำลัง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพฤติกรรมลูก และคอยสอนเมื่อลูกทำกิจกรรมที่โลดโผนจนเป็นอันตราย เมื่อโตขึ้นควรเน้นย้ำให้ลูกเล่นอย่างระมัดระวังตัว และไม่ประมาท
ลูกสาว: เด็กผู้หญิงให้ความสำคัญกับเรื่องรูปร่างหน้าตาถือ และใส่ใจกับสายตาและคำพูดของคนรอบข้างจึงเกิดความวิตกกังวลได้ง่าย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเคารพตนเองและพึงพอใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และรู้จักดูแลร่างกายของตัวเองด้วย
อ้างอิง
