เตรียมยกระดับสู้โควิด-19
เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มควบคุมได้ ขณะที่ประเทศอื่นมีการแพร่กระจายมากขึ้น ไทยจึงต้องใช้มาตรการป้องกัน ควบคุม และลดการแพร่กระจาย แต่ก็ขอให้เตรียมความพร้อมหากมีการแพร่ระบาดภายในประเทศเกิดขึ้น
ด้านกระทรวงการต่างประเทศกำลังติดตามมาตรการที่ต่างประเทศมีต่อไทย และอยู่ระหว่างการทบทวนมาตรการการตรวจลงตรา อีกทั้งจะจัดการประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาแนวทางการป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในวันนี้ (21 ก.พ.) พร้อมให้กระทรวงกลาโหม เตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เมื่อได้รับการร้องขอ ประกอบกับการเตรียมออกกลยุทธ์การควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อในชุมชน เพื่อรองรับการระบาดในระยะที่ 3 เช่น กำหนดมาตรการให้ทำงานที่บ้าน ให้เลื่อน หรืองดการจัดชุมนุมขนาดใหญ่ที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค ปิดสถานที่ที่เกิดการระบาดและควบคุมการระบาดในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร เป็นต้น และจากนั้นจะพิจารณาประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพื่อควบคุมการระบาดในชุมชน
คนไทยติดเชื้อบนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส 2 คน
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณ สุข (สธ.) แถลงว่า จำนวนผู้ป่วยสะสมในไทยมีจำนวนเท่าเดิมคือ 35 คน รักษาหายแล้ว 17 คน เหลือนอนโรงพยาบาล 18 คน โดยผู้ที่มีอาการหนัก 2 คนขณะนี้อาการทรงตัวและคงที่ หลังได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา
สำหรับคนไทยบนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส พบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 คน เป็นลูกเรือ 1 คน และนักท่องเที่ยว 1 คนได้รับการดูแลรักษาแล้ว ส่วนอีก 1 คนที่ตรวจแล้วไม่เจอเชื้อและจะเดินทางกลับไทยนั้น ขึ้นอยู่กับมาตรการของญี่ปุ่นว่าจะดำเนินการอย่างไร เช่น ต้องเฝ้าระวัง 14 วันก่อนกลับหรือไม่ หรือให้เดินทางกลับได้เลย
โดยในเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส มีคนไทยรวม 25 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารคนไทย 2 คน และลูกเรือ 23 คน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว มีการติดต่อกับทั้งหมดแล้ว โดยผู้โดยสารคนไทยที่ไม่ติดเชื้อ ขณะนี้ลงจากเรือแล้วไปพักอยู่ที่โรงแรม โดยสถานเอกอัครราชทูตอำนวยความสะดวกไปรับ-ส่งที่โรงแรม และจะเดินทางกลับประเทศไทยในเร็วๆ นี้ แต่ในกลุ่มลูกเรือจะต้องได้รับการตรวจรอบที่ 2 เริ่มตั้งแต่วันนี้ หากไม่ติดเชื้อก็จะได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือได้
ประชุมความมั่นคง
เวลา 10.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ หรือ นพช. ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล
ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำตัดสินเงินกู้พรรคอนาคตใหม่
ในวันนี้ เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีที่พรรคกู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค จำนวน 191 ล้าน 2 แสนบาท โดยศาลรัฐธรรมนูญมีการจัดเตรียมสถานที่ และวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ไม่อนุญาตให้ใช้ประตูด้านทิศเหนือซึ่งเป็นด้านหน้าของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
โดยตั้งแต่ช่วงเช้า คณะตุลาการจะมีการประชุมแถลงด้วยวาจาและลงมติ พร้อมจัดทำคำวินิจฉัย ซึ่งตลอดเวลาการประชุมพิจารณา และก่อนออกนั่งบัลลังก์ ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสัญญาณโทรศัพท์บริเวณโดยรอบสำนักงานเพื่อไม่ให้คำวินิจฉัยรั่วไหลออกไปก่อน
กอ.รมน. ถกปัญหาโลนวูฟ
กรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.กอ.รมน.) สั่งการให้ กอ.รมน.ดำเนินการศึกษาและสรุปลักษณะการก่อเหตุที่ผู้ก่อเหตุร้ายทำคนเดียว หรือโลนวูฟ เพื่อเป็นบทเรียนอย่างจริงจังภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงที่ จ.นครราชสีมา พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า กอ.รมน. เคยถอดบทเรียนจากเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเมื่อปี 2560 และนำเสนอนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อหาแนวทางป้องกัน และการแก้ไขปัญหา โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังมีการประชุมร่วมกับหลายหน่วยงาน เพื่อทบทวนมาตรการที่มีอยู่และในวันนี้ (21 ก.พ.) จะมีการประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานอีกครั้ง
ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายนานกว่า 50 ชั่วโมง
การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ 5 รัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าฝ่ายค้านขอเวลาในการอภิปรายนานกว่า 50 ชั่วโมง โดยมีข้อตกลงในหลักการไว้ในวันที่ 24-27 กุมภาพันธ์นี้ จากข้อตกลงเดิมจะจบวันที่ 26 กุมภาพันธ์ แต่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ฝ่ายรัฐบาลขอเลื่อนไปเริ่ม ในช่วงบ่าย ฝ่ายค้านจึงขอขยายเวลาออกไปวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ครึ่งวัน แต่ยังไม่แน่อาจจะมากกว่านั้นหรือน้อยกว่านั้นก็อยู่ที่จำนวนผู้อภิปรายและอยู่ที่การอภิปรายว่าใช้เวลาเท่าไหร่ เพราะยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะใช้วิธีคิดเวลาหรือจำนวนคน ส่วนการอภิปรายรัฐมนตรียังไม่ได้ตกลงกันว่าจะอภิปรายรวมทั้งหมดหรือจะอภิปรายทีละคน ทั้งนี้ ก่อนวันอภิปรายต้องให้ ทั้ง 2 ฝ่ายหารือกันเมื่อได้ข้อยุติอย่างไรก็ต้องปฏิบัติไปตามนั้น
….
