ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.วันพุธที่ 8 เมษายน 2563
โควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอความร่วมมือจากทุกคน สิ่งใดก็ตามที่ภาครัฐยังมีปัญหาอยู่ก็ต้องขอให้เข้าใจ และเห็นใจรัฐบาล เพราะต้องทำงานด้วยคนจำนวนมาก ในส่วนประชาชนก็มีจำนวนมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางกลับเข้าประเทศ การเข้าสู่ระบบการกักกัน (quarantine ) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น
สำหรับการเดินทางเข้าประเทศนั้น นายกฯกล่าวว่า ตนสั่งการไปแล้วให้ทยอยเดินทางเข้าเป็นรุ่นๆ เป็นเที่ยวบิน เพื่อง่ายต่อการส่งต่อไปยังพื้นที่ที่ quarantine จึงต้องขอให้ทุกคนเข้าใจ และวันนี้รัฐบาลประกาศให้การควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติไปแล้วในที่ประชุม ครม. จึงอยากให้ทุกคนรับฟังเรื่องการใช้จ่ายในภาครัฐ รวมถึงมาตรการต่างๆที่ออกมา
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ในประเทศไทยพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย สะสม 27 ราย รักษาหายเพิ่ม 31 คน สะสมที่ 824 คน อยู่ในการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) 1,408 คนและพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มใหม่ 38 คน ใน 66 จังหวัด นับเป็นรายที่ 2,221-2,258 คน
สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 27 เป็นผู้ป่วยชาวไทย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว มีประวัติความเสี่ยงคือ ร่วมงานสังสรรค์ในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เริ่มป่วยด้วยอาการเหนื่อยและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล (รพ.) เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 14 มีนาคม มีอาการเหนื่อยเพิ่มมากขึ้น ต้องใส่ท่อช่วยหายใจและภายหลังตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ร่วมกับผลเอกซเรย์พบว่ามีปอดอักเสบรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เมษายน ด้วยอาการของระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ทำให้พบได้ว่าผู้เสียชีวิตอายุไม่ได้มาก อย่างเช่นผู้เสียชีวิตที่แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน มีอายุเพียง 28 ปี ดังนั้น ที่กล่าวว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนเป็นกลุ่มเสี่ยง ทุกคนต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี
ในจำนวนผู้ป่วยยืนยันใหม่ 38 คน พบในกรุงเทพมหานคร 25 คน ชลบุรี 4 คน ภูเก็ต 3 คน และกระบี่ ชุมพร นครราชสีมา นนทบุรี พิษณุโลก และสุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 คน
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงคำสั่งขยายเวลาห้ามเครื่องบินเข้าประเทศถึงวันที่ 18 เมษายน เนื่องจากต้องการจัดระบบการเดินทางเข้าประเทศให้ชัดเจน หลังกระทรวงการต่างประเทศจำกัดจำนวนคนเดินทางเข้าประเทศวันละไม่เกิน 200 คน เพื่อให้การบริหารจัดการการเข้ามาประเทศอย่างเป็นระบบและเตรียมการที่เหมาะสม โดยเฉพาะมาตรการกักตัว 14 วันในพื้นที่ที่รัฐกำหนด
เพจเฟซบุ๊กของกระทรวงการต่างประเทศ ได้เผยแพร่ข้อมูลของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ ที่โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “เงื่อนไขใหม่ คนไทยที่จะกลับบ้านคือ 1.จองตั๋วเครื่องบินหลัง 18 เมษายน เตรียมเอกสารการเดินทาง และตั๋วเครื่องบิน 2.ใบรับรองแพทย์ FIT TO FLY อายุใบรับรองแพทย์ห้ามเกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง 3.หนังสือรับรองจาก สอท./สกญ. อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ขอผ่านระบบออนไลน์เท่านั้นหลัง 18 เมษายน ทางเว็บไซต์ HTTP://DCAREGISTRATION.MFA.GO.TH/ หากใครได้อนุมัติ จะได้รับหนังสือรับรองผ่านระบบออนไลน์ แล้วจึงปรินท์/พิมพ์เอกสารออกมาเพื่อยื่นให้สายการบิน และ4.กักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางถึงไทยจะถูกกักตัว 14 วัน ในสถานที่/แนวทางที่รัฐบาลกำหนด
พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ระบุว่า การตั้งด่านตรวจโควิด-19 ขอให้ใช้กำลังในแถวที่ 2 คือ ใช้กำลังพลในส่วนสนับสนุนการรบ อัตราส่วน 2:1 คือกำลังพลนายทหาร,นายสิบ 2 ส่วน พลทหาร 1 ส่วน นอกจากนี้ ขอให้กองทัพภาคที่1 ส่งรายชื่อกำลังพล เหล่าแพทย์ ที่มีอายุไม่เกิน 50 ปี เพื่อเตรียมพร้อมปฏิบัติหากได้รับการร้องขอสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)
พบผู้ติดเชื้อในจังหวัด‘สตูล’ 16 คน หลังพบคนไทยกลับจากอินโดนีเซียติดเชื้อโควิด
พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ว่า คนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศอินโดนีเซียทั้ง 76 คนดังกล่าวมีอยู่ 52 คน ที่มีไข้สูง ซึ่งจะต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อตรวจเบื้องต้นเสร็จแล้ว ได้แยกไปกักตัวตามแต่ละจังหวัด ส่วนอีก 24 คนที่ไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะไม่ผ่านการคัดกรอง ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตดูแลอยู่ โดยให้อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งในอินโดนีเซีย โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ กลุ่มเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดทำผลการคัดกรองผู้ที่เดินทางกลับจากอินโดนีเซียระบุว่า พบผู้มีอาการ 52 คน ซึ่งตรงกับที่ พล.ต.ปราโมทย์ ให้สัมภาษณ์ และตรวจพบเชื้อทั้งสิ้น 42 คน แยกตามรายจังหวัดได้ดังนี้
-จ.สงขลา 22 คน ส่งไปกักตัวที่สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ หรือสนามกีฬาพรุค้างคาว ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ เป็นชาว จ.สงขลา 20 คน กรุงเทพฯ 1 คน และเชียงราย 1 คน ปรากฏว่า มีอาการ 11 คน ตรวจพบเชื้อ 10 คน
-จ.นราธิวาส 7 คน ส่งไปคัดกรองและกักตัวที่ โรงเรียนแสงธรรม ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ นราธิวาส มีอาการ 5 คน ตรวจพบเชื้อ 2 คน
-จ.ปัตตานี 14 คน ส่งไปคัดกรองที่สนามกีฬา อบจ.ปัตตานี แล้วให้อำเภอรับตัวไปกักตัว ณ สถานที่ที่จัดไว้ของแต่ละอำเภอ มีอาการ 8 คน ตรวจพบเชื้อ 7 คน
-จ.ยะลา 7 คน ส่งไปกักตัวที่ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา มีอาการ 7 คน ตรวจพบเชื้อทั้ง 7 คน
-จ.สตูล 26 คน ส่งไปกักตัวที่วิทยาลัยราชภัฏสงขลาวิทยาเขตสตูล อ.ละงู จ.สตูล มีอาการ 21 คน ตรวจพบเชื้อ 16 คน นอกจากนี้ ยังมีลูกเรือของเที่ยวบินนี้อีก 35 คน ที่ต้องกักตัวเช่นกัน โดยนำไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ แต่ไม่มีใครมีอาการและตรวจไม่พบเชื้อ
ก่อนหน้านี้ จ.สตูล ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้แต่คนเดียว แต่เมื่อมีกลุ่มดังกล่าวกลับมาจะทำให้ จ.สตูลมีจำนวนผู้ป่วยโดยผลการคัดกรองนี้จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการในวันนี้
ภูเก็ตติดอีก3หญิงรัสเซีย-คาซัคสถาน
สำหรับสถานการณ์ระบาดในหลายจังหวัดยังน่าเป็นห่วง โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต แจ้งสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ถึงวันที่ 6 เมษายนนั้น จ.ภูเก็ตมีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 126 คน มีรายใหม่ 3 คน เป็นหญิงชาวรัสเซีย อายุ 23ปี หญิงชาวคาซัคสถาน อายุ 26ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 28 ปี ทั้ง 3 คน เป็นนักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ป่าตองมานานกว่า 1 เดือน มีประวัติไปสถานบันเทิงซอยบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ บ่อยครั้งและสัมผัสใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และทั้ง 3 คนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการป่วย ผู้สัมผัสความเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยทั้ง 3 คนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน
เลื่อนเปิดเทอมจาก พค.ไป 1 กค.
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.รับทราบการปรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 โดยให้สถานศึกษาเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พ.ค.นี้ เป็นวันที่ 1 ก.ค.นี้
รอลงอาญาลูกสาวผู้พิษณุโลก ฝ่าพรก.ฉุกเฉิน -เมาแล้วขับ
กรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมหญิงสาว 2 คนฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและอ้างตัวเป็นลูกสาวของผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในพื้นที่ จ.มุกดาหาร สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจ 4 แยกไฟแดงเมืองใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบ น.ส.อภิญญา ขำสุภาพ อายุ 19 ปี และ น.ส.เปรมประภา เอกภาพันธ์ อายุ 29 ปี คนขับเก๋งมีอาการคล้ายคนเมาสุรา โวยวายด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่พอใจที่ตรวจสอบ โดยอ้างเป็นลูกของผู้ว่าฯอยู่จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 คนฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายพิพัฒน์ได้โพสต์ชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า ลูกของใครไม่สำคัญ ลูกชาวบ้าน ลูกกำนัน #ลูกผู้ว่า ถ้าผิดกฎเคอร์ฟิว # ให้ลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุดไม่มีข้อยกเว้นครับ #กฎหมายต้องเป็นกฎหมายไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครครับ สำหรับคดีนี้ ศาลพิพากษา จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 1 ปี
