เรื่องความรักแบบกั๊กๆ ความรักที่มีสถานะไม่ชัดเจน จะเพื่อนก็ไม่เชิง จะคนรักก็ไม่ใช่ เรื่องนี้เป็นประเด็นโลกแตกที่เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงต้องเคยประสบพบเจอกันมาก่อน ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกกระทำหรือเป็นผู้กระทำเองก็ตาม และด้วยความที่เป็นหัวข้อยอดฮิตภายใต้ปัญหาความสัมพันธ์ จุดนี้เลยจุดประกายไอเดียให้กับสาว ฟิล์ม บงกช นักร้องมากความสามารถเจ้าของฉายา “เจ้าแม่เพลงละคร” ในการบอกเล่าปัญหาพร้อมกับดึงสติเรื่องความรักช้ำๆ ของคนสมัยนี้เธอ ซิงเกิ้ลที่ 2 กับเสียงหวานๆ และใจความเพลงที่หนักแน่นของเธอจะบอกคำตอบคนที่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากนี้ว่าสรุปแล้วควรจะไปต่อหรือพอกันที “ช่วยบอกให้ชัด” จะมีที่มาที่ไปอย่างไร อ่านต่อได้ในบทสัมภาษณ์สุดพิเศษของ LINE TODAY กับ ฟิล์ม บงกช ได้ที่นี่!
จาก “เจ้าแม่เพลงละคร” สู่ซิงเกิ้ลที่สองของตัวเอง มีการเปลี่ยนแปลงในบทบาทยังไงบ้างในเพลงนี้
คือทุกคนจะรู้จักชื่อของ ฟิล์ม บงกช จากเพลงละครมาโดยตลอด ดังนั้นเพลงที่ผ่านๆ มา มันจะเป็นโจทย์ที่ตายตัวอยู่แล้วว่าต้องพูดเรื่องอะไร มีคนทำทุกอย่างมาให้เรียบร้อย และบทบาทของเราในตอนนั้นคือการแค่อยู่ในฝั่งของนักร้องเท่านั้น จะดีไซน์เสียงร้องยังไง ต้องร้องสื่อสารแบบไหนถึงจะตอบโจทย์ แต่พออยู่ในวงการมาสักพักแล้วเราก็เริ่มมองสเต็ปต่อไปของตัวเองว่า อยากจะนำเสนอคอนเทนต์ผ่านเพลงของเราเองดูบ้าง ซึ่งเพลงนี้เราก็ขอทางค่ายว่าเราอยากลองทำเอง เริ่มตั้งแต่เลือกโปรดิวเซอร์เอง เลือกคนเขียนเพลงเพราะเราเองก็ยังไม่เก่งถึงขั้นลุกขึ้นมาทำเองทุกอย่างได้ เลยเป็นเหมือนคนเลือกส่วนผสมแต่ละอย่างมาปรุงกับข้าวจานนี้ของเรา
ทำไมถึงอยากจับประเด็นเรื่องความรักที่ไม่มีสเตตัส
เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ใกล้ตัว จากเพื่อนเรา จากประสบการณ์ตัวเอง เราว่ามันเป็นเพราะด้วยความที่โลกทุกวันนี้คอนเนคท์กันง่าย แค่มีไอจี ทักแชทแบบส่วนตัวก็จีบกันได้ละ มันเลยทำให้มีคนตกอยู่ในสถานการณ์นี้มากขึ้นกว่าเดิม อย่างเพื่อนเราที่ไม่มีแฟนแต่มีคนคุยร้อยคน วันจันทร์ถึงศุกร์นางไม่เคยเหงาเลย เพราะเปลี่ยนคนคุยไปเรื่อยๆ เป็นคนที่ไม่ได้อยากตกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของใคร แต่ไปเรื่อยๆ ซึ่งคนที่เจ็บในความสัมพันธ์แบบนี้ก็คือคนที่ต้องการ next step แล้ว อยากได้ความชัดเจนเพื่อที่จะได้รู้ว่าขอบเขตและหน้าที่ของเรามันอยู่ตรงไหน
อย่างเวลาวันปีใหม่ วันเกิดอะไรอย่างเงี้ย มันต้องจัดเต็มขนาดไหน เพราะถ้าเป็นแฟนกัน ก็ต้องเล่นใหญ่เลเวลนึง เป็นเพื่อนก็อีกเลเวลนึง ถ้ากำลังจีบๆ กันก็อีกเลเวลนึง พอมันไม่ชัด ก็เลยทำตัวไม่ถูก
สิ่งที่อยากจะพูดให้กับคนที่ตกอยู่ในสถานะ “ไม่ชัด” ผ่านเพลงนี้คืออะไร
ถ้าฟังดีๆ เนื้อเพลงนี้คือคำถามหมดเลย ซึ่งมันตีความได้ 2 แบบ มุมนึงคือเราถามเขาว่าสรุปแล้วจะเอายังไง กับอีกมุมคือถามตัวเองว่าฉันล่ะจะเอายังไงกับตัวเองดี ฟิล์มว่าคำตอบมันไม่มีตายตัว ขึ้นอยู่กับคนฟังเอง ซึ่งเวลาเราทำเพลงออกมาก็อยากให้คนฟังได้ประโยชน์จากมันนะ นิดนึงก็ยังดี เพลงนี้ก็อยากให้ทุกคนได้คิดและตั้งคำถามตัวเองว่าสรุปแล้วตัวเองอยู่ในสถานะอะไร และจะทำยังไงกับมันต่อ ไม่ต้องรอให้เขาเลือกแต่เรามีช้อยส์นะ เราเลือกได้
เท่ากับว่าจุดประสงค์ของเพลงนี้คือฟิล์มอยากเตือนสติคนฟัง ด้วยการตั้งคำถามเขาให้ลองนึกย้อนกลับมาคิดถึงสถานการณ์ตัวเองหรือเปล่า
ใช่ค่ะ มันเริ่มต้นมาจากว่าชีวิตเราถูกขับเคลื่อนด้วยดนตรีและเสียงเพลง อกหักก็ฟังเพลง คิดถึงแฟนก็ฟังเพลง เราใช้เพลงเยียวยาหัวใจในทุกสถานการณ์ เพราะฟิล์มก็อยู่ตัวคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แล้ว พอเจอเรื่องอะไรแย่ๆ มาต้องอยู่กับตัวเอง ก็ใช้เพลงเนี่ยแหละเป็นตัวบำบัด แต่พอเป็นคนทำเพลงเอง การให้กำลังใจคนฟังหรือเตือนสติผ่านเพลงของเราก็ไม่ใช่แบบว่าแนวเพื่อชีวิตมาเลยนะ ก็ยังอยู่บนความเป็นป๊อปร่วมสมัยอยู่ที่ฟังแล้วได้อะไรมาคิดต่อ
เพลงของฟิล์ม บงกชเป็นเหมือนตัวแทนของผู้หญิงยุคใหม่ มันสะท้อนความเป็นตัวตนของเราว่าเป็นเฟมินิสต์หรือเปล่า
ก็ไม่เชิงว่าเป็นเฟมินิสต์ที่แข็งกระด้างหรือเป็นถึงขั้นที่ว่าฉันเกลียดผู้ชาย ฉันไม่เอาความรักนะ แต่ตัวคอนเทนต์ของเพลงเป็นเหมือนการถ่ายทอดความคิดของเราในมุมของผู้หญิงคนนึงที่มองความรักแบบเข้าใจมากกว่า ซึ่งมันก็มาจากตัวฟิล์มเองที่โตมาระดับนึง ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มาจนเข้าใจโลกและไม่ไปดราม่ากับมัน อาจจะมีโมเมนต์ที่รู้ตัวว่าอยู่ในความรักที่ไม่ดีนะ รู้ว่าตัวเองเสียใจนะ แต่ไม่ได้ไปจมอยู่กับมันจนอย่างอื่นพัง
มาพูดถึงตัวเอ็มวีกันบ้าง เพลงนี้ได้หนุ่มโจเซฟจาก The Face All-Stars มาแสดงด้วย คอนเซปต์เป็นยังไง
จะออกแนวแฟชั่นหน่อยๆ ด้วยตัวโปรดักชั่นทีมเองที่ถนัดแนวนี้อยู่แล้ว แคสต์ที่เลือกมาก็จะเป็นนายแบบนางแบบ อย่างน้องขวัญตาหรือโจเซฟ ส่วนตัวเนื้อเรื่องก็อยากให้มีความดราม่าขมวดปมแต่นำด้วยอาร์ตไดเรคชั่น ที่พอมันออกมาเราก็ชอบในความเท่ของมันมากๆ
มีฉากที่โจเซฟต้องเข้ามาคลอเคลียแบบใกล้ชิดด้วย ตอนถ่ายทำเป็นยังไง
ผู้กำกับก็บรีฟมาว่าต้องทำเป็นไม่สนใจนะ แต่ตอนถ่ายจริงก็เขินมากกกก ด้วยความที่ต้องอยู่ใกล้กัน ทางเราก็กลัวน้องเขาเหม็น เลยต้องพรมน้ำหอมอยู่ตลอด (หัวเราะ) พอสั่งคัทปุ๊บรีบวิ่งหาน้ำหอมก่อนเลย (หัวเราะ)
ฟีดแบคที่ฟิล์มได้อ่านเป็นยังไงบ้าง กระแสดีไหม
ช่วงนี้อยู่ในช่วงโปรโมตเนอะ ก็อยากให้ทุกคนได้ลองเสพย์ดู เพราะฟิล์มก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอื่นเค้าจะอินเหมือนกับที่ฟิล์มอินรึเปล่า ซึ่งฟิล์มว่าประเด็นนี้มันเป็นอะไรที่คุยแล้วสนุกอ่ะ เรื่องความไม่ชัดเจนเนี่ย เราก็เลยชอบเข้าไปอ่านคอมเมนต์ใน YouTube เพื่อที่ว่าเราจะได้เอามาพัฒนาในเพลงต่อๆ ไปของเราเองด้วย
กับบทบาทที่เป็นทั้งนักร้องและทำงานประจำไปด้วย แบ่งเวลาอย่างไร
ฟิล์มทำงานอยู่เอเจนซี่ เป็น AE มาได้ 10 ปีละ ซึ่งชีวิตของเราหลักๆ ก็มีแค่ 2 พาร์ทนี้นี่ล่ะ พาร์ทงานเพลงกับงานประจำ ความโชคดีของเราคือ ที่บริษัทเราน่ารัก ค่อนข้างมีความเข้าใจว่าเราไม่ได้เกเร เราอาจจะมีลาไปทำงานเพลงบ้างในบางครั้งที่มันจัดสรรคิวไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าทำได้ ฟิล์มก็จะพยายามลงคิวให้มันตรงกับวันหยุด ประกอบกับสมัยนี้ที่เทคโนโลยีทำให้เราทำงานได้ทุกที่ก็มีส่วนช่วยด้วย ถามว่าแล้วถ้าติดจริงๆ ทำยังไง เราก็ใช้วันลาพักร้อนของเราไป อาจจะไม่ค่อยได้ลาพักผ่อนยาวๆ แบบคนอื่น แต่การร้องเพลงก็ถือว่าเป็นการพักผ่อนของฟิล์มนะ เพราะเราสนุกกับมันมากๆ
เคยคิดจะเลือกเดินในสายอาชีพทางใดทางหนึ่งเลยไหม
จริงๆ ยังอยากทำสองอย่างไปพร้อมกันแบบนี้นะ ทั้งสองทางมันก็ให้อะไรกับเราเยอะมาก งาน AE ก็ให้ทักษะในชีวิตหลาย ๆ อย่างทั้งการคิดเป็นลำดับขั้น การสื่อการ การจัดการเรื่องบัดเจ็ทและเวลา การคิดเชิงธุรกิจ ช่วยให้เราพัฒนาตัวเอง อีกส่วนนึงคือเรื่องความมั่นคงทางการเงินด้วย (หัวเราะ) ทำให้เราไม่ต้องไปกดดันตัวเองเรื่องเงินกับงานร้องเพลง ว่าจะต้องหาเงินได้เท่านี้ๆ นะ หรือต้องฝืนรับงานที่ไม่ใช่ตัวเรา ทำให้เราเลือกได้ ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆ ไม่ได้ทำเพราะเงินอย่างเดียว
สุดท้ายนี้ อยากฝากอะไรถึงผู้ฟังและแฟนๆ ฟิล์ม บงกช บ้าง
ฝากเพลง “ช่วยบอกให้ชัด” ไว้ด้วยนะคะ ฝากมากๆ เลยเพลงนี้เพราะเป็นเพลงที่ฟิล์มลงมือทำในทุกๆ สเต็ปเลย สามารถฟังได้ที่ Joox, Apple Music, Spotify และ YouTube นะคะ ฟังแล้วอยากให้คิดด้วยโดยเฉพาะใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ว่าคนที่เลือกควรเป็นเรา
ฟังเพลง "ช่วยบอกให้ชัด" เวอร์ชั่นอะคูสติกได้ที่นี่!
