อยู่ใกล้คนแบบไหนเราก็จะซึมซับดูดกลืนความเป็นคนแบบนั้นเข้ามาสู่ตัวเองได้จริง ๆ ดังนั้นถ้าซิสได้อยู่ใกล้คนที่คิดบวกตลอดเวลา มีแต่ความสดใส แชร์แต่เรื่องราวดี ๆ เราเองก็จะสดใสร่าเริงและเห็นโลกเต็มไปด้วยแสงสว่างตามไปด้วย แต่บางทีเราก็ไม่อาจเลือกได้มากขนาดนั้นว่าเราจะเลือกเอาคนแบบไหนมาในชีวิต เจ้เชื่อว่ามันต้องมีเพื่อนอย่างน้อยหนึ่งคนที่เป็นสาย Dark Side คิดลบตลอดเวลา แผ่ทัศนคติชวนหดหู่มาให้ แรก ๆ เราก็พอรับมือไหว แต่นานไปเราก็เริ่มหดหู่ตาม หยุดเดี๋ยวนี้ค่ะซิส! อย่าให้ Dark Side จากมนุษย์คนไหนเข้าครอบงำเราเด็ดขาดและนี่คือวิธีการจัดการเพื่อนสายดาร์กให้อยู่หมัด
อย่าอยู่กับเธอคนนั้นสองต่อสองบ่อยเกินไป
เราไม่ได้รังเกียจเพื่อนนะคะจำไว้ แต่เราจำเป็นต้องปกป้องตัวเอง ดังนั้นเวลาจำเป็นต้องไปไหน พยายามหลีกเลี่ยงการไปกับเพื่อนที่มีทัศนคติลบเพียงลำพัง ให้ชวนเพื่อนอีกคนไปด้วย อาจเป็ฯเพื่อนที่มีทัศนคติบวกหรืออย่างน้อยก็กลาง ๆ เวลาที่เพื่อนสาวชาวทัศนคติลบคนนั้นมองอะไรแล้วแย่ไปหมด เรากับเพื่อนอีกคนจะได้ช่วยโน้มน้าวได้ว่าอะไร ๆ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ แต่ถ้าซิสไปกับเพื่อนสาวชาวทัศนคติลบสองคนเราอาจจะเผลอคล้อยตามเธอและคิดว่าโลกใบนี้ทั้งใบมันเลวร้ายไปหมดเลยก็ได้
ชี้ให้เพื่อนเห็นด้านดีของทุกสิ่งเข้าไว้
การชี้ให้เพื่อนสาวคนนั้นเห็นด้านดีของโลกใบนี้ต้องเป็นไปอย่างเพื่อนอยากช่วยเพื่อน ไม่ใช่เพราะเราหงุดหงิดแล้วอยากไปสอนเพื่อน เพราะถ้าเราอยากสั่องสอนบทสนทนามันจะออกมาในเชิงบ่น เช่น “นี่เธอเลิกมองโลกในแง่ร้ายสักทีสิ หัดมองแต่ด้านดีของโลกบ้าง” แต่การช่วยให้เพื่อนมองเห็นสิ่งที่ดีของโลกอย่างจริงใจเราอาจต้องใช้ความพยายามมากหน่อยด้วยการระบุเป็นเรื่อง ๆ ไป เช่นถ้าไปร้านขนมด้วยกันแล้วเพื่อนเริ่มออกปากติว่าร้านไม่สวยเลย เค้กก็หน้าตาแย่ไม่น่ารักถ่ายรูปอวดใครไม่ได้ เราอาจะต้องยกข้อดีของสถานการณ์นั้นขึ้นมาให้เพื่อนเห็น เช่น “แต่เราว่าเค้กร้านนี้อร่อยมากเลยนะ หน้าตาไม่ค่อยสวย แต่ถ้ากินแล้วติดใจอ่ะ เราว่ามันก็พอแทนกันได้นะแก” แรก ๆ เราอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ทำไปเรื่อย ๆ เพื่อนจะเริ่มเข้าใจได้เองว่า เออ โลกนี้มันก็มีมุมดี ๆ เหมือนกันนะ
ลองถามความเห็นเพื่อนมากหน่อย
บางทีขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่มีแต่ Dark Side ใครก็แทบไม่อยากเข้าใกล้แล้ว เพราะพูดอะไรออกมาทีไรก็มีแต่คำลบ ๆ เรื่องแย่ ๆ ในทางหนึ่งมนุษย์ประเภทนี้ก็ขี้เหงาและน่าสงสารจนต้องแสดงออกอะไรลบ ๆ แบบนั้นออกมาดังนั้นในบางครั้งที่เพื่อนพูดอะไรแย่ ๆ แทนที่จะปล่อยให้ผ่านเลยไปทำหูทวนลมเหมือนเพื่อนไม่มีตัวตน ก็ลองถามเหตุผลเพื่อนหน่อยว่าทำไมเพื่อนถึงคิดแบบนั้น อะไรที่ทำให้เพื่อนรู้สึกแย่ เพราะบางครั้งความคิดลบ ๆ ก็อาจจะมีสาเหตุมาก่อนก็ได้ ถ้าเรารู้ต้นตอปัญหาเราอาจช่วยแก้ไข หรือเข้าใจเพื่อนมากขึ้นกว่าเดิม
ฟังได้ แต่อย่าจมลงไปกับความคิดแบบนั้น
อีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลอยู่หมัดแน่ ๆ คือเราต้องจำแนกคนทัศนคติลบในชีวิตตัวเองให้แน่ชัด เพื่อที่ทุกครั้งเวลาเพื่อนคนนั้นพูดอะไรมาเราจะได้รู้ว่าความเป็นจริงมันไม่ได้แย่อย่างที่เพื่อนพูดเต็มร้อย แต่อาจต้องหารสักห้าสิบ เพื่อไม่ให้เราจมดิ่งลงไปใน Dark Side กับเพื่อนคนนั้นด้วย ดังนั้นมันจึงเป็นการรับฟัง แต่รับฟังอย่างมีสติและวิจารณญาณ โดยไม่ต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับเขา เพื่อที่เราจะพยายามช่วยให้เขาคิดเป็นเหตุเป็นผลควบคู่ไปกับการไม่ตกไปในด้านมืดด้วย
ห้ามโทษตัวเองเด็ดขาด
ไม่ว่าเราจะพยายามทุกวิถีทางแค่ไหนแล้ว แต่เพื่อนก็ยังเป็นคนมีทัศนคติลบ ๆ อยู่วันยังค่ำ เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกผิดที่เราไม่อาจดึงเพื่อนออกมาจากด้านมืดนั้นได้เลย แต่สิ่งที่เจ้อยากให้ซิสจำไว้คือเราไมควรรู้สึกผิดเด็ดขาด เราได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เพื่อนเลือกวิธีที่จะมองโลกของเพื่อนเอง ที่สำคัญถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มรู้สึกผิดที่ไม่อาจทำให้เพื่อนดีขึ้นได้ แปลว่าเราตกหลุมพรางแห่งความ Dark Side เข้าแล้ว ดังนั้นรีบเฟดตัวห่างเพื่อนคนนี้ออกมาสักพักอย่าให้ตัวเองถลำไปมากกว่านี้ รักษาใจตัวเองให้ดีแล้วกลับไปใหม่ก็ยังไม่สาย
การมีเพื่อนที่เอาแต่ลากเราเข้าด้าน Dark Side ตลอดเวลาอาจจะชวนหม่น ๆ ไปสักหน่อย แต่อีกด้านหนึ่งเราอาจได้วิธีคิดใหม่ ๆ แบบที่เราไม่เคยคิดมาก่อน แค่ต้องกรองเอาความหม่นเทาออกไปแล้วคิดอย่างถี่ถ้วนเพื่อนแบบนี้อาจช่วยให้เราเห็นโลกในมุมที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนได้เหมือนกัน
