โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คลี่ปมคดีนายทานากะเสียชีวิต อุบัติเหตุหรือจัดฉาก???

อีจัน

อัพเดต 27 มิ.ย. 2562 เวลา 12.42 น. • เผยแพร่ 27 มิ.ย. 2562 เวลา 12.32 น. • อีจัน
คลี่ปมคดีนายทานากะเสียชีวิต อุบัติเหตุหรือจัดฉาก???
ตรวจสอบคดีเก่า คดีการตายของนายทานา&#358…

ตรวจสอบคดีเก่า คดีการตายของนายทานากะ เกิดขึ้นในปี 2546 คดีนี้นางเพ็ญศรีได้แจ้งความกับตำรวจสภ.บางพลีว่าสามีคือนายทานากะได้เมาสุราและเกิดอุบัติเหตุตกบันไดเสียชีวิตที่บ้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นครึ่งริมถนนบางนา-ตราด กม.18 ในครั้งนั้นตำรวจไม่พบพิรุธในคดีการสอบสวนจึงยุติสรุปเป็นอุบัติเหตุไม่พบผู้กระทำผิด
จนเมื่อเกิดข้อกังขาขึ้นสำนวนจึงถูกเรียกมาสอบสวนเพิ่มเติม

คลี่ปมคดีอุบัติเหตุหรือจัดฉากหลังฆ่าหวังเงินประกัน?

คดีนายทานากะอดีตสามีชาวญี่ปุ่นของนางพรชนกที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุตกบันไดตายถูกนำมาปัดฝุ่นทันที
ตำรวจใช้เวลาสืบสวนเพียงไม่ถึง 2 คืนคดีที่เคยสรุปไว้ว่าเป็นอุบัติเหตุก็มีพยานหลักฐานใหม่ชี้มูลว่าอาจเป็นฆาตกรรม
และคนก่อเหตุก็อาจเป็นคนกลุ่มเดียวกันคือนางพรชนกและสามีชาวไทย นายสมชาย สามีคนแรกของเธอนั่นเอง

พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา (ยศขณะนั้น) :สะดุดอยู่คำนึงที่นางพรชนกบอกว่าครูสอนภาษาญี่ปุ่นเป็นโรคหัวใจแล้วหมดสติหัวใจวายเราก็จำคำนั้นได้เราก็ไปตรวจดูสำนวนที่บางพลีเป็นอย่างไรในสำนวนก็บอกว่าเป็นหัวใจวายเหมือนกันหัวใจล้มเหลวเราก็เลยว่าทำไมคำพูดเหมือนกันก็ดูอีกในรายละเอียดมีหลายประเด็นที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าว :รายงานการชันสูตรเป็นแบบไหน?

พล.ต.ท.สุวิระทรงเมตตา (ยศขณะนั้น) : เมื่อพอทกับรูปหุ่นแล้วเอ๊ะทำไมคนตายถึงมีแผลหนักๆฉะกันหลายแผลแผลที่โดนของแข็งที่ไม่มีคมกระทบเกิดรอยแผลลึกหลายแผลเกิดในทิศทางต่างกันถ้าคนตกบันได้มันต้องเกิดทิศทางเดียวจุดเดียว
รายงานผลชันสูตรทางนิติเวชเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ถึงความไม่สอดคล้องพยานในที่เกิดเหตุถูกเรียกมาสอบและการสอบครั้งนี้ทำให้ตำรวจพบความจริงที่ถูกปิดบังมานานถึง 10 ปี

พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ( ยศขณะนั้น) : ประเด็นใหญ่คือมีพยานเหลืออยู่ 3คนมี 1.พรชนก 2.สมศักดิ์ คนที่3. คือ ผู้เสียชีวิต เดิมนายสมศักดิ์ แต่เคยให้ปากคำไว้ว่านายทานากะดื่มสุราจนเมาแล้วขึ้นไปนอนในบ้านมีเสียงสุนัขเห่าเลยออกมาดูแล้วทันใดนั้นเขาเกิดเป็นลมหมดสติวูบตกบันไดถึงแก่ความตายนี่คือ คำให้การเดิม
นายสมศักดิ์แซ่ลิ้มที่ตำรวจเอ่ยถึง คือ น้องชายของนายสมชายสามีเก่าของนางพรชนก

พล.ต.ท.สุวิระทรงเมตตา( ยศขณะนั้น) : เราก็เรียกเข้ามาถามใหม่แรกๆพยานก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ทราบเราก็ถามว่าในที่เกิดเหตุไม่ได้มีแค่ 3คนใช่ไหม เป็นคำถามสำคัญเลยครับ เขาก็คิดๆเราก็บอกว่าไม่ต้องคิดบอกมาเลยเขาบอก ครับ แปลว่าประตูเปิดแล้ว เราก็ถามต่อเขาก็เลยเล่าเรื่องให้ฟังทั้งหมดก็เลยได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดเขาก็บอกว่าพรชนกสั่งเขาว่าให้ให้การเท็จ

นายสมศักดิ์ยอมรับว่าในคืนเกิดเหตุมีนายสมชายอยู่ในบ้านด้วยแต่นางพรชนกบังคับให้ปิดบังคืนนั้นเขาได้ยินเสียงทะเลาะกันก่อนจะพบศพผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่ที่บันได
เมื่อคนแรกเปิดปากผู้ต้องหาสองสามีภรรยาก็จำนน

คำสารภาพของสมชาย
สมชายสารภาพความจริงที่ปิดมากว่า 10ปี ว่าวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นช่วงเย็น ตนมานั่งดื่มกับนายทานากะมีนายสมชายและพรชนกร่วมวงด้วยนั่งกันอยู่ 4 คน เวลาผ่านไปถึงประมาณ2ทุ่ม พรชนกก็พาผู้ตายขึ้นไปห้องนอนชั้น3
ตนเห็นสมชายก็ไปนั่งเฝ้าที่บันได ชั้น3 ต่อกับชั้น4 ใช้เวลานานพอควร พอถึงตีสามก็เห็นนายทานะกะออกมานอกห้องมาเข้าห้องน้ำขณะเดินผ่านบันไดนายสมชายผลักเขาลงบันไดพอผลักลงไปยังไม่ตายเข้าไปซ้ำโดนเอาหัวเข้าไปที่ช่องลูกกรงใช้เท้าดันกดหัวกับลงกรงไว้เพื่อให้ขาดอากาศหายใจ 10-15นาที จนผู้ตายแน่นิ่งไปผิวซีดแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้วทำเป็นว่าผู้ตายตกบันไดจึงเรียกให้คนอื่นมาช่วยกัน

ผู้สื่อข่าว : บาดแผลอื่นที่ไม่สอดคล้องกับตกบันไดคือเท้าที่เหยียบใช่ไหม

ตำรวจ : ใช่ครับเท้าที่เหยียบรอยกดระหว่างซอกคอกับรอยกดราวบันไดรอยกดที่ยาว 18 ซ.ม.

10 ปี หลังคดีนี้ถูกปิดเป็น อุบัติเหตุ แต่วันนี้ความจริงกระจ่างแล้ว พยานยืนยัน นายทานากะถูกฆาตกรรม นางพรชนกและนายสมชายจึงถูกแจ้งข้อหาฆ่านายทานะกะเสียชีวิต

#คำพิพากษา
วันนี้มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้ ณ ห้องพิจารณา 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 27 มิ.ย.62 เวลา 10.00 น.
คดีมีนายนายสมชาย แก้วบางยาง” ตอนนี้ อายุ 52 ปี อาชีพรับจ้าง และ “นางพรชนก ไชยะปะ” อายุ 52 ปี เช่นกัน เป็นจำเลย ทั้งสองถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฆ่า“นายคาซิโตชิ ทานากะ” เมื่อปี 2546 ซึ่งระหว่างการพิจารณาคดีทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำ
เมื่อวันที่ 16 มี.ค.61 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษ“นายสมชายแก้วบางยาง” จำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาให้จำคุกตลอดชีวิตโดยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือนและยกฟ้องนางพรชนกจำเลยที่ 2 เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควร

ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์คดีศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วข้อเท็จจริงยุติว่า“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 ฆ่านายคาซิโตชิทานากะผู้ตายด้วยการผลักผู้ตายตกลงไปที่ราวบันใดแล้วใช้มือกดลำคอจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

จึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทย์ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
ในชั้นสอบสวน“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 รับสารภาพถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบว่าร่วมกันวางแผนก่อนเกิดเหตุ
“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 สารภาพว่านั่งรอดูผู้ตายเดินออกจากห้องเป็นเวลาถึง 4-5 ชั่วโมงตามคำให้การซึ่งมูลเหตุจูงใจในการฆ่าที่ให้การไว้ก็คงมีเพียงเรื่องหึงหวง“นางพรชนก” จำเลยที่ 2 ที่ขึ้นไปนอนพร้อมกันเท่านั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ทราบเรื่องเงินที่ทำประกันของผู้ตายแต่อย่างใดดังนั้นพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 กระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลยที่ 1
ส่วน“นางพรชนก” จำเลยที่ 2 ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่ามีส่วนร่วมกับ“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 ในการฆ่าผู้ตายอย่างไรซึ่งข้อเท็จจริงตามบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของ“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 ก็ปรากฏเพียงว่าหลังจากจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตายแล้วได้ไปเรียกจำเลยที่ 2 จากที่ห้องนอนแล้วจำเลยที่ 2 ก็เรียกให้คนช่วยขณะที่จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธโดยตลอดว่าไม่มีส่วนร่วมกับจำเลยที่ 1 ในการกระทำผิด
ส่วนที่โจทก์นำสืบถึงมูลเหตุจูงใจว่า“นางพรชนก” จำเลยที่ 2 จะได้รับเงินจากการประกันชีวิตจากผู้ตายนั้นโจทก์ก็ไม่มีหลักฐานว่าจำเลยที่ 2 ทราบเรื่องการทำประกันชีวิตของผู้ตายก่อนเกิดเหตุหรือมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจำเลยที่ 2 ได้รับเงินที่ได้จากการประกันชีวิตของนายคาซิโตชิทานากะผู้ตายมาแล้วหรือหากจำเลยที่ 2 ได้รับเงินจากประกันชีวิตของผู้ตายจริงก็อาจเป็นเพียงการรับเงินตามสิทธิ์ของตนตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นผู้รับประโยชน์ไว้ก็เป็นได้
การนำสืบของโจทก์จึงยังไม่พอยืนยันว่า“นางพรชนก” จำเลยที่ 2 มีส่วนร่วมในการฆ่าผู้ตายพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าร่วมกับจำเลยที่1 ฆ่าผู้ตายหรือไม่จึงยกประโยชน์โดยโจทก์มีเพียงพยานหลักฐานที่นำสืบมาเป็นพยานแวดล้อมอีกทั้งยังไม่อาจยืนยันข้อเท็จจริงได้ชัดแจ้งโดยปราศจากความสงสัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ“นายสมชาย” จำเลยที่ 1 เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและยกฟ้องจำเลยที่ 2
“ศาลอุทธรณ์ภาค 1” เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้นจึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ส่วนคดีฆ่าหั่นศพครูกวดวิชาชาวญี่ปุ่น ก็มีคำพิพากษาแล้วเช่นกัน
วันที่ 30 ม.ค.60 ม.ค. ที่ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษกศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฆ่าหั่นศพครูสอนภาษาชาวญี่ปุ่นคดีนี้นายสมชายและนางพรชนกถูกฟ้องเป็นจำเลยที่1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาหน่วงเหนี่ยวกักขังซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนมีไว้เพื่อนำออกและใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยร่วมกันวางแผนใช้อาวุธมีดปลายแหลมยาวแทงและฟันนายโยชิโนริชิมาโตะครูสอนภาษาญี่ปุ่นอายุ79 ปีซึ่งมีอาการป่วยนอนอยู่บนเตียงภายในบ้านจ.สมุทรปราการแล้วจับศีรษะกดกับหมอนจนขาดใจตายก่อนหั่นชำแหละชิ้นส่วนอวัยวะเป็นชิ้นๆใส่ถุงถ่วงด้วยทรายนำไปทิ้งที่คลองนางทิ้งหมู่7 ที่อำเภอบางบ่อจ.สมุทรปราการแล้วจำเลยร่วมกันเอาทรัพย์สินรวม41,500 บาทของผู้ตายไปและยังใช้บัตรธนาคารต่างๆกดเอาเงินสดของผู้ตายไปอีกรวม520,000 บาทโดยเหตุเกิดเมื่อช่วงวันที่21 กันยายน - 13 ตุลาคม2557
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตนายสมชายส่วนนางพรชนกให้จำคุก20 ปี
ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกตลอดชีวิตนายสมชายจำเลยที่1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯส่วนนางพรชนกจำเลยที่2 ให้จำคุกฐานลักบัตรอิเล็กทรอนิกส์และฐานมีและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์
ซึ่งของผู้อื่นโดยมิชอบ, ซ่อนเร้นทำลายศพรวมเป็นเวลา 20 ปีโดยพยานหลักฐานฟังยังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมฆ่าผู้อื่นฯ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0