โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

คลาวด์สร้างโอกาส AWS ลุยจับผู้ประกอบการรายย่อย

Manager Online

อัพเดต 19 เม.ย. 2562 เวลา 02.10 น. • เผยแพร่ 19 เม.ย. 2562 เวลา 02.10 น. • MGR Online

เมื่อการแข่งขันในธุรกิจสตาร์ทอัปขึ้นอยู่กับความเร็วในการขยายบริการให้ครอบคลุมผู้ใช้งานมากที่สุด หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ในยุคดิจิทัลคือการนำระบบขึ้นมาใช้บริการคลาวด์

ที่ผ่านมาข้อจำกัดหลักๆของการนำระบบคลาวด์มาใช้งานกับองค์กรธุรกิจรายเดิมคือความยุ่งยากในการเชื่อมต่อระบบเก่าภายในองค์กรที่ถูกพัฒนาขึ้นมานานแล้ว เข้ากับระบบใหม่ที่เปิดกว้างให้มีการเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลายมากขึ้น องค์กรธุรกิจที่เริ่มปรับตัวก่อนจึงกลายเป็นผู้ที่ได้เปรียบในแง่ของความเร็ว และการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้คล่องตัวมากขึ้น ไม่ถูกข้อจำกัดของระบบเดิมๆ ผูกไว้ไม่ให้สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หรือบรรดาสตาร์ทอัปก็กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีโอกาสเข้าถึงการใช้บริการคลาวด์ตั้งแต่แรกเริ่ม หรือใช้เวลาปรับตัวสู่ระบบคลาวด์ได้เร็วกว่าเนื่องจากเพิ่งเป็นการเริ่มธุรกิจ ข้อมูลทางธุรกิจต่างๆยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำให้สามารถย้ายฐานข้อมูลขึ้นมาใช้งานบนคลาวด์ได้

ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บเซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS ให้ความเห็นว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาองค์กรธุรกิจที่อยู่ในระดับ 1 ใน 5 ของแต่ละภาคธุรกิจจะเริ่มมีการลงทุนและหันมาใช้งานคลาวด์กันหมดแล้ว

'ลูกค้าที่เพิ่งเริ่มในเวลานี้จะเป็นกลุ่มสตาร์ทอัป และองค์กรธุรกิจรายเดิมที่ไม่อยากตกขบวนดิจิทัล ที่ใช้ช่วงเวลาที่ผ่านมาเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล'

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจที่หันมาใช้งาน AWSในปีนี้ก็จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่องค์กรธุรกิจเริ่มมองเห็นทิศทางที่ชัดเจนในการนำไปใช้งานจากผู้ที่เข้ามาเริ่มใช้งานก่อน สร้างยูสเคสที่น่าสนใจให้แก่ผู้ประกอบการรายใหม่ๆได้นำไปใช้งาน

'ทุกๆอย่างที่ AWS คิดค้นขึ้นมาเพื่อให้บริการจะเริ่มจากความต้องการของลูกค้า ด้วยการทำงานร่วมกันเพื่อดูว่าลูกค้าต้องการระบบอะไรแล้วพัฒนาออกมาตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้า'

***ใช้ประสบการณ์ช่วยลูกค้ารายใหญ่ ถ่ายทอดสู่ลูกค้าใหม่

ดังนั้น แนวทางสำคัญที่จะเกิดขึ้นในปีนี้คือ การนำระบบหรือรูปแบบการใช้งานที่เกิดขึ้น มาแสดงให้เห็นรูปแบบการใช้งานที่แท้จริง และเป็นต้นแบบเพื่อให้ลูกค้าที่สนใจเลือกนำไปใช้งานผ่านการจัดงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่แสดงศักยภาพของคลาวด์

ในแต่ละปี AWS จะมีการจัดงานประจำปีอยู่ 2 งานหลักๆ เริ่มจากในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ในการจัด AWS Re:Inventที่เป็นงานระดับโลก จัดขึ้นในการนำเสนอนวัตกรรมและการไมเกรดระบบเดิมเข้าสู่คลาวด์เป็นหลัก โดยครั้งล่าสุดที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมงานกว่า 5 หมื่นคน ที่แบ่งเป็นทั้งระดับผู้บริหาร ที่จะมีเอ็กเซ็กคูทีฟแทร็ก เพื่อเข้าไปศึกษาเรื่องการนำระบบคลาวด์ไปประยุกต์ใช้งานในธุรกิจ ไปจนถึงการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่บรรดานักพัฒนาที่นำระบบไปใช้งาน

ส่วนอีกงานจะเป็นสเกลที่เล็กลงมาอยู่ในระดับภูมิภาคคือ AWS Summit อย่างในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้ ก็จะจัดขึ้นที่สิงคโปร์เป็นประจำ หลักๆจะเน้นที่การนำเสนอประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าที่นำไปใช้ พร้อมกับข้อมูลทางเทคนิคเป็นหลักสำหรับงาน AWS Summitที่สิงคโปร์ในครั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานกว่า 1 หมื่นคนตลอดช่วงเวลา 2 วันที่จัดงาน และมีการจัดสัมมนาทางด้านเทคนิคกว่า 60 หัวข้อ ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนในการทำธุรกิจไปจนถึงลงลึกด้านเทคนิคในการนำไปใช้งาน

***AI AR VR 3 เทคโนโลยีสำคัญช่วยให้เติบโต

ปีเตอร์ เดซานทิส รองประธานบริหารฝ่ายระบบโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกและสนับสนุนลูกค้า ประจำอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าวว่า วิธีการที่ AWSใช้คือการทำงานร่วมกันในรูปแบบพันธมิตรทางอีโคซิสเตมส์ ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงของแพลตฟอร์มนี้

'ในปีที่ผ่านมา ได้เห็นแนวโน้มขององค์กรขนาดใหญ่ที่หันมาใช้คลาวด์ของ AWS เป็นเซิร์ฟเวอร์หลัก แทนที่ระบบไพรเวทคลาวด์ที่พัฒนาขึ้นมา เช่นเดียวกับกลุ่มสตาร์ทอัปที่กำลังเติบโต'

จากข้อมูลในปีที่ผ่านมาพบว่าในภูมิภาคอาเซียนมีการลงทุนในสตาร์ทอัปมากกว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเชื่อว่าจะเติบโตขึ้นในปีนี้ จากการมาของเทคโนโลยีอย่าง AI ,AR และ VRที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของ AWS ในปีนี้

ขณะเดียวกัน การนำคลาวด์ไปใช้จะสร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน การธนาคาร เกษตร สุขภาพ และการศึกษา เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีไปใช้งาน

โอลิเวียร์ ไคลน์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเกิดใหม่ประจำ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค กล่าวถึงเทรนด์ที่เกิดขึ้นของธุรกิจยุคใหม่ ที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการนำดิจิทัลมาให้บริการว่า ในการเริ่มต้นธุรกิจถ้าอยากเติบโตเร็วในยุคนี้คืออย่าให้ข้อจำกัดของการขยายเซิร์ฟเวอร์มาเป็นตัวแปรในการจำกัดไม่ให้ธุรกิจเติบโต

'องค์กรธุรกิจที่มีโอกาสในการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะสม ให้นักพัฒนาสามารถใช้เวลาไปกับการคิดค้น และพัฒนาบริการต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องการบริหารจัดการระบบหลังบ้าน หรือเรียกรูปแบบนี้ว่าเป็น Serverless จะกลายเป็นแนวคิดใหม่ที่เกิดขึ้นในเวลานี้'

นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงชุดคำสั่งต่างๆ บนแพลตฟอร์มคลาวด์ได้อย่างไม่จำกัด โดยเฉพาะการนำ AI เข้ามาใช้งาน จากชุดคำสั่งสำเร็จรูปที่มีอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้คือการเห็นถึงแนวทางในการนำ AI มาใช้ในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อนักพัฒนาสามารถทำทุกอย่างได้บนระบบคลาวด์ โดยเฉพาะในการนำระบบของ AWS มาใช้งาน ที่ภายในแพลตฟอร์มจะมีสโตร์ให้สามารถเข้าไปดึงระบบ Machine Learning ที่ถูกพัฒนาขึ้นแล้วมาใช้

เมื่อนำระบบเข้ามาใช้งานร่วมกับฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่ในระบบ ก็จะเริ่มกระบวนการให้ AI เรียนรู้ได้ทันที และข้อมูลต่างๆที่เรียนรู้ก็จะเก็บไว้ภายในบัญชีผู้ใช้แต่ละราย ที่มีการเข้ารหัสแยกจากกัน เพื่อความปลอดภัยของข้อมูล

***2 สตาร์ทอัปขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น

ในขณะที่ AWS เป็นผู้ให้บริการเครื่องมือที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการธุรกิจในยุคดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ด้วยการนำระบบหลังบ้านขึ้นมาทำงานบนระบบคลาวด์ทำให้ในช่วงแรกกลุ่มธุรกิจที่จะเริ่มใช้งานก่อนคือผู้ประกอบการที่ให้บริการเกี่ยวกับดิจิทัล และมองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้แบบก้าวกระโดด

หนึ่งในนั้นคือ Eko สตาร์ทอัปสัญชาติไทยที่วางตัวเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการภายในองค์กรที่ใช้โมเดลธุรกิจแบบบอกรับสมาชิก (Subscribtion) เป็นรายเดือนที่เริ่มจากการให้บริการในไทย ก่อนขยายไปในตลาดยุโรป และสหรัฐฯจนปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้งานแล้วกว่า 5 แสนราย

กรวัฒน์ เจียรวนนท์ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง เอคโค่ (Eko)ให้ข้อมูลถึงการเติบโตของสตาร์ทอัปในประเทศไทยว่า หลายๆรายยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการมองตลาดแค่ในประเทศหรือในภูมิภาคเป็นหลัก ในขณะที่ถ้าเป็นสตาร์ทอัปรายใหญ่ๆทั่วโลกจะมองไปถึงการขยายธุรกิจเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าทั่วโลก

'ด้วยเหตุนี้ทำให้ Eko มองหาเครื่องมือที่จะมาช่วยให้สตาร์ทอัปสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดโดยไม่ต้องกังวลถึงการบริหารจัดการหลังบ้านมากนัก ทำให้เลือกใช้บริการของ AWS มาช่วยเพื่อให้รองรับการขยายตัวได้เร็วขึ้น'

เป้าหมายหลักของ Eko ในช่วงแรกเริ่มธุรกิจคือการขยายซอฟต์แวร์สัญชาติไทยให้ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าทั่วโลกได้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะธุรกิจซอฟต์แวร์ไม่มีข้อจำกัดมากเหมือนธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่แต่ละประเทศจะมีกฏหมายแตกต่างกัน

ปัจจุบัน Eko กำลังเติบโตได้เป็นอย่างดีในยุโรป หลังจากการมาของกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (GDPR) ที่ทำให้องค์กรธุรกิจหลายราย หันมาใช้งานระบบของทาง Eko มากขึ้น และถือว่าจะเป็นโอกาสสำคัญถ้าในหลายๆประเทศมีการออกกฏหมายที่คล้ายคลึงกันออกมา

อีกหนึ่งสตาร์ทอัปที่นำระบบคลาวด์ของ AWS มาใช้งาน และถือว่าเป็นผู้ให้บริการเพย์เมนต์เกตเวย์รายใหญ่ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่าง 2C2P (ทูซีทูพี) ที่มองเห็นโอกาสสำคัญในการให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินแก่ลูกค้ากว่า620 ล้านคนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร และบัตรเครดิต

เมียว ซอ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี ทูซีทูพี กล่าวถึงการนำ AWSมาใช้งานในระบบหลังบ้านของ 2C2P ว่าเนื่องมาจากการที่เป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตค่อนข้างเร็วทำให้ต้องมีการขยายปริมาณคลาวด์เพื่อรองรับการใช้งานอยู่เรื่อยๆ

ในขณะที่ความเชี่ยวชาญของ 2C2P ส่วนใหญ่จะอยู่กับการพัฒนาระบบเป็นหลัก ทำให้มองหาผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่จะเข้ามาตอบโจทย์ในการใช้งานได้จึงได้เริ่มทำงานร่วมกับ AWS ตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0