ในเกมนี้มีประเด็นน่าสนใจหลายประเด็นเรารวมมาให้แล้ว
1. ขาด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เกมรุกต่อกันไม่ติด
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ มีอาากรบาดเจ็บจากเกมลีกนัดที่แล้วหายไม่ทันเกมนี้ไม่มีชื่อลงเล่น แล้วเหมือนว่าเกมนนี้แนวรุกคนอื่นๆจะต่อกันไม่ติดเลย ไม่ว่าจะเป็น โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่โดนประกบติดจนขยับเชื่อมเกมไม่ได้ หรือแม้แต่ ซาดิโอ มาเน่ ที่เล่นยังขาดๆเกินๆในเกมนี้ และอย่างยิ่งคนที่ลงมาแทนอย่าง ดิว็อค โอริกี้ แทบไม่มีประโยชน์อะไรในเกมรุกเลย ดูแล้วหาก ลิเวอร์พูล อยากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงต้องซื้อแนวรุกคมๆมาเสริมทีมซะแล้ว
2. ดาบิด เด เคดา - อลิสซง เบ็คเกอร์ กลับมาเฝ้าเสา
เจ้าถิ่นมีปัญหาดาวเตะตัวหลักบาดเจ็บหลายคน โดยเฉพาะ ดาบิด เด เคดา จนมีข่าวว่าอาจจะต้องส่ง เซร์คิโอ โรเมโร่ ลงสนามแทน แต่สุดท้ายทางฝั่ง "ปีศาจแดง" ขอเช็กฟิตจนถึงนาทีสุดท้ายและเจ้าตัวดันหายเจ็บพร้อมลงสนาม และอย่างยิ่งในเกมเจ้าตัวช่วยเซฟได้หลายจังหวะจนทีมดีพอจะมีแต้มติดมือ
ฟากทีมเยือน อลิสซง เบ็คเกอร์ หายเจ็บพร้อมกลับมาเฝ้าเสา แล้วถูก เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกส่งลงสนามแทนที่ อาเดรียน ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ฟอร์มแย่แต่อย่างใดแต่ คล็อปป์ มองว่า อลิสซง คือมือหนึ่งของทีม โดยในเกมนนี้ต้องบอกว่า เขา ลงเล่นด้วยความมั่นใจ แต่ยังออกลูกขาดๆเกินๆอยู่บ้าง จึงไม่แปลกใจถ้าหากเกมไหนเล่นพลาดหรือหลุดฟอร์มอาจโดนดร็อปได้
3. "ปีศาจแดง" รับแล้วสวนกลับ กลายเป็นงานถนัด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่เล่นเน้นเกมรับแล้วรอจังหวะสวนกลับ ในแบบฉบับของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา แล้วในเกมนนี้ถือว่าทำได้ดีเพราะเกือบมีชัย หลังจากได้ประออกนำไปก่อนจากจังหวะที่ดาเนี่ยล เจมส์ เลี้ยงลุยไปแล้วจ่ายบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด ยิงประตูออกนำ หลังจากนั้นจะเห็นว่า ทีม"ปีศาจแดง"เล่นเกมรับแน่นๆไว้ก่อน แล้วค่อยรอจังหวะสวนกลับ
อย่างยิ่งในฤดูกาลนี้จะเห็นได้ว่าเกมไหนที่ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ครองบอลเป็นรองมักทำผลงานได้ดีกว่าเกมที่ครองบอลมากกว่าคู่แข่ง ดูได้จาก เกมชนะ เชลซี ที่ครองบอลน้อยกว่า หรือ เกมบุกแพ้นิวคลาสเซิ่ล ที่ครองบอลมากกว่าแต่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจ มองดูแล้ว แมนฯยูไนเต็ดการเป็นทีมที่เล่นรอสวนกลับได้ดีกว่าบุกแหลกแล้วแจกแต้มแน่ๆ
4. แมน ซิตี้ กลับมามีลุ้นอีกครั้ง หลัง "หงส์แดง" สะดุดให้เห็น
หลังจบศึกแดงเดือดด้วยผลเสมอ ต้องบอกว่า ทีมที่พอใจกับผลการแข่งของเกมนี้น่าจะเป็น แมนฯซิตี้ หลังเห็น ลิเวอร์พูล สะดุดเป็นแล้ว และดูเหมือนว่าโอกาสของทีม "เรือใบสีฟ้า" กลับมาเปิดกว้างอีกครั้ง เพราะการตามหลังถึง 6 คะแนน แต่หลังจากนี้อีก 2 เกม แมน ซิตี้ จะได้ลงแข่งขันก่อน ลิเวอร์พูล เริ่มจาก เจอกับ แอสตัน วิลล่า วันที่ 26 ตุลาคม นี้ ก่อนที่ "หงส์แดง" เปิดรังรับมือ สเปอร์ส ด้านสัปดาห์ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน แมนฯซิตี้ ยังลงแข่งเจอกับ บอร์นมัธ
ก่อนที่ "หงส์แดง" จะไปเยือน วิลล่า แล้วหลังจากนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน ทั้งสองทีมจะมาเจอกันที่ แอนฟินด์ หากลิเวอร์พูลสะดุดสัก 1 นัด ก่อนมาเจอกันต้องบอกว่าเกมวันนั้นเดือดแน่นอน
5. ดราม่า VAR
เกมนี้มีดราม่า VAR อีกแล้วกับจังหวะประตูขึ้นนำ 1-0 ของ"ปีศาจแดง" หลังจาก ดิว็อค โอริกี้ โดน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เตะสกัดจากด้านหลังก่อนที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ จะตามเก็บบอลแล้วจ่ายต่อให้เจมส์ กระชากไปเปิดให้ แรชฟอร์ด แปบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย โดยหลังได้ประตูมีการเรียกใช้ VAR แต่สุดท้ายกรรมการที่ดูVAR ให้เป็นประตูกับเจ้าบ้านแม้ภาพจพออกมา โอริกี้ โดน ลินเดอเลิฟ เตะจริงๆแต่คาดว่ากรรมการน่าจะมองในมุมโอริกี้แตะบอลยาวจนไม่สามารถครองบอลได้แล้วจึงไม่ให้ฟาวล์
ขณะที่อีกจังหวะที่ใช้ VAR คือจังหวะ ซาดิโอ มาเน่ ยิงประตูให้"หงส์แดง" ได้ในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่หลังจากที่มีการเช็คVAR แล้ว ภาพแสดงชัดเจนว่าลูกบอลโดนมือสตาร์เซเนกัลก่อนที่เขาจะยิงประตู แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่กฎใหม่ฟีฟ่าบอลโดนมือฝ่ายเกมรุกไม่ว่ากรณีใดถือเป็นแฮนด์บอลทุกกรณี ฉะนั้นในกรณีนี้ไม่มีข้อแก้ตัว
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand