นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้กระทรวงการคลังหามาตรการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการบ้านจัดสรร หลังจากได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย(LTV)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร และ มีมาตรการไหนที่รัฐบาลจะพอช่วยเหลือได้ โดยการช่วยเหลือดูเฉพาะกลุ่มที่เดือดร้อนจริงๆ คงไม่ช่วยในกลุ่มที่มีกำลังทรัพย์อยู่แล้ว และถ้าช่วยเหลือจะเน้นในกลุ่มที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองหรือบ้านหลังแรก
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเผยว่า มาตรการที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอต่อนายกรัฐมนตรีน่าจะมีลักษณะเดียวกับการช่วยเหลือในกลุ่มบ้านเอื้ออาทรคือ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองของกระทรวงมหาดไทยเหลือ 0.01%จากเดิมค่าธรรมเนียมการโอนต้องเสียในอัตรา 2%ของราคาประเมิน และค่าธรรมเนียมการจดจำนองต้องเสีย 1%ของราคาประเมินแต่จะขยายราคาบ้านที่เข้าข่ายได้รับการลดค่าธรรมเนียมให้สูงขึ้นไม่เกิน 3 ล้านบาท จากเดิมในกลุ่มบ้านเอื้ออาทรกำหนดราคาบ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาบ้านและคอนโดมิเนียมไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นการช่วยเหลือในกลุ่มประชาชนชั้นกลางถึงชั้นล่างที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ซึ่งคาดว่า การลดภาษีการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01%นี้น่าจะช่วยลดภาระของคนในกลุ่มในการซื้อบ้าน จากเดิมถ้าบ้านราคา 1 ล้านบาทต้องเสียค่าจดจำนองและค่าโอนประมาณ3 หมื่นบาท จะเหลือแค่ 200 บาทเท่านั้น
"จากสถิติการลดภาษีการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01%ในอดีตทีผ่านมาช่วยกระตุ้นยอดขายของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พอสมควร ดังนั้น คาดว่ามาตรการนี้นำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้งจะมีผลทำให้ยอดขายกลุ่มสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น และน่าจะช่วยลดภาระให้กลุ่มคนที่ต้องการมีบ้านได้พอสมควร โดยคาดว่าจะสามารถเสนอครม.ภายในต.ค.นี้ และ มีผลหลังจากประกาศของกระทรวงมหาดไทย"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับระยะเวลาของมาตรการนั้น เบื้องต้นเราจะกำหนดระยะเวลาการช่วยเหลือไว้ไม่เกิน 6 เดือน ซึ่งการกำหนดระยะเวลาดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่บ่นว่าสต็อกเหลือจำนวนมาก