โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

คลังจ่อออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจปี 63 เพิ่มเติมสภาพคล่อง ย้ำ ศก.ไทยปัจจุบันมีพื้นฐานแกร่ง

สยามรัฐ

อัพเดต 17 ก.พ. 2563 เวลา 10.32 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2563 เวลา 10.32 น. • สยามรัฐออนไลน์
	คลังจ่อออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจปี 63 เพิ่มเติมสภาพคล่อง ย้ำ ศก.ไทยปัจจุบันมีพื้นฐานแกร่ง

คลังประเมินเศรษฐกิจใกล้ชิด พร้อมพิจารณามาตรการดูแลเศรษฐกิจอย่างเหมาะสมต่อไปภายหลัง สศช.เผยจีดีพีปี 62 โต 2.4% พิษส่งออกวูบจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกถดถอย ชี้เศรษฐกิจไทยปัจจุบันมีพื้นฐานแข็งแกร่ง

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ประกาศอัตราการขยายตัวผลิตภัณฑ์มวลรวมของไทยไตรมาส 4 ปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 1.6 และเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 2.4 ต่อปี ขยายตัวชะลอลงจากปี 2561 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 ต่อปี โดยสาเหตุหลักของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ขยายตัวชะลอลงมาจาก มูลค่าการส่งออกสินค้าที่หดตัวร้อยละ 4.9 เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ทรงตัวร้อยละ 0.0 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนและสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ทั้งนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวในระดับสูง โดยเฉพาะในหมวดยานยนต์จากการลดสายการผลิตรถยนต์รุ่นเดิมเพื่อรอเปลี่ยนโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่ และหมวดน้ำมันปิโตรเลียมจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นชั่วคราวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเลียมหลายแห่ง ซึ่งปัจจุบันกลับมาดำเนินการผลิตตามปกติแล้ว ดังนั้น ผลกระทบต่อผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นถือเป็นปัจจัยชั่วคราว และการลงทุนภาครัฐจะชะลอตัว โดยมีสาเหตุมาจากความล่าช้าของการบังคับใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2563

อย่างไรก็ดี พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาแล้ว ขณะที่การลงทุนรัฐวิสาหกิจยังคงเบิกจ่ายได้ดี เป็นผลมาจากกระทรวงการคลังได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง โดยให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายให้เร็วขึ้นในส่วนโครงการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนเพื่อให้เม็ดเงินลงทุนภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2562 โดยช่วงดังกล่าวรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรัฐวิสาหกิจที่เบิกจ่ายได้ดี ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น

ขณะเดียวกันยังมีองค์ประกอบทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวเช่น การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 เช่น มาตรการชิมช้อปใช้ และมาตรการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีผลต่อการบริโภคภาคเอกชนให้กลับมาฟื้นตัวและมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาการที่กระทรวงการคลังออกมาตรการเพื่อดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์เมื่อเดือนธ.ค.62

สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2563 ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงรายได้ของภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว กระทรวงการคลังจึงดำเนินการมาตรการการเงินการคลังเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวปี 2563

"จะช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวผ่านสถาบันการเงินของรัฐ แบ่งเบาภาระให้ผู้ประกอบกิจการโรงแรมสามารถหักรายจ่ายสำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายในการปรับปรุงกิจการโรงแรมเป็นจำนวน 1.5 เท่า ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการให้หน่วยงานสามารถหักรายจ่ายสำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายในจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศเป็นจำนวน 2 เท่า รวมถึงบรรเทาผลกระทบให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี โดยการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปเป็นภายในเดือนมิ.ย.63"

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้ดำเนินมาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนภายในประเทศปี 2563 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยและกระตุ้นการลงทุนภายในประเทศ ประกอบด้วยมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และมาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาและปรับปรุงการผลิตสินค้าให้มีศักยภาพสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ดังกล่าวไปได้

ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและมีความพร้อมที่จะดำเนินมาตรการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเศรษฐกิจไทยปัจจุบันมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ไม่มีแรงกดดันด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งอัตราเงินเฟ้อต่ำ ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และฐานะทางการคลังสะท้อนจากหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพียงร้อยละ 41.3 ถือว่ายังอยู่ในระดับที่เข้มแข็งมาก

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0