หลังจากนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สคร.และที่ปรึกษาทางการเงินจะหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาเกลี่ยยอดคำสั่งซื้อของประชาชนรายย่อยให้ทุกคนได้มีโอกาสในการถือหน่วยลงทุนนี้มากที่สุด โดยอาจจะมีการพิจารณาขยายเพดานการซื้อจองรายย่อยให้มากกว่า2หมื่นล้านบาท แล้วไปปรับลดสัดส่วนของสมาคม มูลนิธิลง ส่วนสาเหตุที่ประชาชนให้ความสนใจซื้อจำนวนมากน่าจะมาความมั่นใจที่รัฐบาลร่วมถือหุ้น 10% และให้ผลตอบแทนจูงใจที่ระดับ4.7-5.3%ต่อปี โดยสคร.จะประกาศผลการจัดสรรหน่วยลงทุนให้รายย่อยได้วันที่ 22 ต.ค. นี้
สวนการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลังวงเงิน15,000ล้านบาท รุ่นอายุ3ปี และ7ปี ให้อัตราดอกเบี้ย 2.46% และ 3% สามารถจำหน่ายได้หมดภายในครึ่งวันของการเปิดจำหน่ายวันแรกวานนี้(19ต.ค.) ถือเป็นการจำหน่ายพันธบัตรหมดเร็วมากจากที่เปิดขายยาวไปจนถึงวันที่29มี.ค.2562