จากกรณีครูและนักเรียน พร้อมผู้ปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.อำนาจเจริญ เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อขอให้มีคำสั่งย้ายด่วน ผอ.โรงเรียน เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมหลายอย่าง
วันที่ 22 พ.ค. 62 ครูรัศมี สุพรม อายุ 44 ปี หนึ่งในครูที่ร้องเรียน ผอ.โรงเรียน เปิดเผยว่า ตนเป็นหนึ่งในกรรมการประเมินครูประจำปี ซึ่งตนเล็งเห็นว่าการประเมินครูของ ผอ. ครั้งนี้ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมกับบุคลากรในโรงเรียน เนื่องจากเดิมทีได้คะแนนการประเมินค่อนข้างสูง แต่ ผอ. กลับตัดคะแนนตนจาก 92 คะแนน เหลือ 79.9 เมื่อสอบถามขอคำชี้แจงจาก ผอ. แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ทั้งที่บุคลากรบางคนที่มีผลงานไม่ตรงตามเงื่อนไข แต่กลับได้คะแนนการประเมินสูงกว่า
ครูรัศมีกล่าวต่อว่า ช่วงใกล้การประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือน ผอ.ก็จะมีพฤติกรรมข่มขู่บุคลากรในโรงเรียนให้ต้องเข้าไปเอาใจใส่ ผอ. เป็นพิเศษ เช่น ขู่พนักงานราชการของโรงเรียนว่าถ้าไม่ดูแลเอาใจใส่ ผอ. เจ้าตัวก็จะไม่ต่อสัญญาจ้าง และจะไล่ออก ซึ่งตนมองว่าเป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ
ครูรัศมีบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นคนดูแลเรื่องสหกรณ์โรงเรียน ซึ่งได้ผลกำไรเป็นเงิน 1 แสนบาท โดยเงินก้อนนี้ต้องนำไปปันผลกับสมาชิกสหกรณ์ทุกคน แต่ ผอ.กลับขอผลกำไรให้โรงเรียน 6 หมื่นบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเงินจะไม่เพียงพอต่อการปันผลให้เด็กนักเรียนที่เป็นสมาชิก อีกทั้งเงินที่ ผอ.ร้องขอว่าจะให้โรงเรียน ถ้าให้แล้วก็ไม่รู้ว่าเงินจะไปไหน นอกจากนี้ ผอ. ยังมีพฤติกรรมเมาสุรา เคยตั้งวงนั่งดื่มกับนักการภารโรงในช่วงที่มีการเข้าค่ายลูกเสือ และช่วงที่บุคลากรไปทัศนศึกษา ผอ. ยังมีพฤติกรรมดื่มเหล้ามึนเมา และพูดจาสองแง่สองง่ามกับบุคลากรหญิงในโรงเรียน เช่น เห็นบุลคลากรหญิงกำลังกินกล้วยอยู่ ผอ.ก็พูดขึ้นมาว่า “ของ ผอ. ใหญ่กว่ากล้วยอีกนะ” และมีการปัดมือจนเกือบถูกหน้าอกของบุคลากรหญิง แต่เขาหลบได้ทัน ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ตนยอมรับว่ารู้สึกแย่กับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะตนเป็นครู และมีหน้าที่คือสอน แต่เขาเป็น ผอ.มีหน้าที่บริหาร ก็อยากให้เป็นนักบริหารที่ดี
ด้านนายสิทธิชัย กองเพียร อายุ 55 ปี ผอ.โรงเรียนที่ถูกร้องเรียน ยืนยันว่าการประเมินคะแนนเลื่อนขั้นเงินเดือนบุคลากรนั้น ตนทำตามวิธีการและหลักเกณฑ์ถูกต้อง ตนอยากชี้แจงว่าไม่ได้ประเมินคะแนนเลื่อนขั้นเงินเดือนให้กับเฉพาะคนสนิท และยืนยันว่าทำตามกระบวนการทั้งหมด และใครรู้สึกอย่างไรตนก็ไม่ได้โกรธ แต่คิดว่าอีกฝ่ายคงมีอคติกับตนมากกว่า
นายสิทธิชัย กล่าวว่า ตนพยายามพูดไกล่เกลี่ยกับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่ยอมรับฟัง และตนมั่นใจว่าเรื่องทั้งหมดนั้นตัวเองถูกกลั่นแกล้งจากนักการเมืองท้องถิ่น และครูที่ไม่พอใจตน เนื่องจากเสียผลประโยชน์ในเรื่องสหกรณ์โรงเรียน เพราะครูคนที่ดูแลสหกรณ์นั้นเป็นผู้ดูแลเรื่องกำไรทั้งหมด และไม่เปิดเผยให้โรงเรียนรู้ ตนจึงพยายามจะนำสหกรณ์ไปให้คนนอกเข้ามาดูแลด้วยการประมูลเป็นเงินราคา 2 แสนบาท และนำเงินนี้มาใช้จ่ายในโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม เรื่องดื่มสุราในการเข้าค่ายลูกเสือนั้น ตนยอมรับว่าดื่มจริง แต่ตนไม่ได้ดื่มในเวลาราชการ และไม่ได้ดื่มต่อหน้าครูและนักเรียน และจะดื่มในที่เฉพาะ ไม่ทำในที่สาธารณะ ส่วนกรณีที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างว่าตนพูดหยอกล้อเรื่อง “ของใหญ่กว่ากล้วย” นั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะโดยปกติตนจะไม่พูดเล่นหรือหยอกล้อกับผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว สุดท้ายยืนยันว่าตนทำงานรับราชการมา 31 ปี ไม่เคยมีคดีหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศโดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม นายพิทยา ไชยมงคล ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษามัธยมเขต 29 ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนจำนวน 3 คน ในการสืบสวนนายสิทธิชัย และหาข้อเท็จจริงจากคำกล่าวอ้างของครูที่ร้องเรียนทั้งหมด และถ้ามีมูล ก็จะไปตั้งคณะกรรมการสอบสวนในภายหลัง ซี่งต้องรอผลการสืบสวนภายในวันศุกร์นี้ (24 พ.ค.)
