ครีมบำรุง บางตัวก็ต้องห้ามยามตั้งครรภ์
อีกความกังวลใจของแม่ท้องคือเรื่องของเครื่องสำอาง ว่าที่คุณแม่หลายคนไม่กล้าใช้เครื่องสำอาง หรือแม้แต่ "ครีมบำรุง" ที่ใช้เป็นประจำ เพราะกลัวว่าจะมีผลต่อลูกน้อยในครรภ์ มาทำความเข้าใจเรื่องการใช้เครื่องสำอางของแม่ท้องกันดีกว่าค่ะ จะได้รู้ว่าตัวไหนที่ใช้ได้ ตัวไหนควรหลีกเลี่ยง
ปัญหาผิวพรรณของคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์
ในช่วงไตรมาสแรก คุณแม่ท้องจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของฮอร์โมน โดยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นจะมีผลต่อผิวพรรณของคุณแม่ ทำให้ผิวคล้ำขึ้นบริเวณซอกคอ รักแรก ขาหนีบ รอบหัวนม และมีเส้นสีดำกลางท้อง บางรายอาจมีฝ้าขึ้นบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หรือคุณแม่บางคนไม่เคยมีสิวเลย กลับมีสิวในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามาก ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายขึ้น เมื่อสภาพผิวเปลี่ยนแปลง คุณแม่จึงควรพิถีพิถันในการเลือกใช้เครื่องสำอางให้มากขึ้น
หลักการเลือกสกินแคร์สำหรับคนท้อง
ก่อนที่จะรู้ว่าสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางต่างๆ ตัวไหนที่จะใช้ไม่ได้บ้าง มีหลักการที่เป็นหัวใจสำคัญคือ หลักการดูดซึมของสารเข้าสู่กระแสเลือด เพราะส่วนผสมบางชนิดในสกินแคร์สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดของแม่และส่งผ่านรกไปยังลูกในครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติต่อลูกได้ ดังนั้นทุกอย่างที่เราทาลงไปบนผิวจึงมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุง เซรั่ม ครีมกันแดด โทนเนอร์ ต้องเลือกให้ดีว่าไม่ผสมสารต้องห้าม ซึ่งสารเหล่านี้มีแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น แต่ด้วยความที่ส่วนผสมเหล่านี้มักจะเขียนมาเป็นชื่อเคมีในภาษาอังกฤษ จึงทำให้ยากแก่การตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ตัวใดบ้างที่มีส่วนผสมของสารต้องห้ามเหล่านี้อยู่
12 ผลิตภัณฑ์ความงามที่มักพบสารต้องห้ามระหว่างตั้งครรภ์
1. ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ
ต้องสังเกตตรงส่วนประกอบให้ดี ถ้าไม่มีอะลูมิเนียม คลอไรด์ (Aluminum Chloride Hexahydrate) เป็นใช้ได้ เนื่องจากอะลูมิเนียม คลอไรด์ สามารถซึมเข้าผิวหนังและผ่านไปถึงรกหรือน้ำนม ทำให้ลูกในครรภ์ได้รับไปด้วย และอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
2. สารเคมีในกลุ่มของ BHA (Beta Hydroxide Acids)
ส่วนมากจะมี Salicylic acid, 3-Hydroxypropionic acid, Trethocanic acid และ Tropic acid เนื่องจากเป็นสารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ในประเทศไทยเรา ทางอย. ได้มีข้อกำหนดให้ใช้ Salicylic acid ในผลิตภัณฑ์ได้ไม่เกิน 2% จึงสามารถใช้ได้ เพราะมีความเข้มข้นไม่มาก
3. ครีมกันแดด
ครีมกันแดดที่ไม่ควรใช้ คือครีมกันแดดที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้ Avobenzone Homosalate Octocrylene Oxybenzone Oxtinoxate Menthyl Anthranilate และ Oxtocrylene เพราะสารเคมีเหล่านี้จะเข้าไปรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย
4. ครีมหรือยารักษาฝ้า
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าที่มีส่วนผสมของสาร Hydroquinone Idrochinone และ Quinol/1-4 Dihydroxy Benzene/1-4 Hydroxy Benzene เนื่องจากเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์บางตัวของร่างกาย และระคายเคืองต่อผิว จนอาจจะทำให้เกิดอาการผิวบาง แพ้แสงแดดได้ด้วย
5. ไวเทนนิ่ง
ระหว่างตั้งครรภ์ บางคนจะมีผิวที่แพ้ง่ายขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงผลิตภัฑณ์ที่มีส่วนผสมของ สารที่ช่วยผลัดผิว ได้แก่ กรดผลไม้หรือ AHA เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้ หากต้องการใช้ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้น้อยมาก รวมถึงไม่ควรขัดถูหรือสครับผิวบ่อยเกินความจำเป็น โดยเฉพาะการใช้บริการตาสถานเสริมความงาม ที่มักให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่ผู้บริโภคหาซื้อได้เองตามท้องตลาด หรือมีการจ่ายผลิตภัณฑ์แบบกิน ควรงดเว้นไปก่อน เพราะกรดวิตามินเอแบบกินมีผลต่อการตั้งครรภ์โดยตรง คือมีผลต่อการสร้างอวัยวะของตัวอ่อนในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงอายุครรภ์ 1-3 เดือนแรก โดยมีผลต่อระบบหัวใจ ระบบประสาท และกระจกตา
6. ยารักษาสิว
ต้องเช็คผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรักษาสิวให้ดีว่ามีส่วนผสมต้องห้ามหรือไม่
สารในกลุ่ม Retinoids ผลิตภัณฑ์รักษาสิวตัวไหนที่ผสมสารนี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์
Retinol (วิตามินเอ)
- Retinoic acid (กรดวิตามินเอ)
- Retinaldehyde
- Retinyl Esters
- กลุ่มอนุพันธ์กึ่งสังเคราะห์ เช่น Adapalene
Benzoyl Peroxide ไม่มีอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ แต่อาจเกิดความระคายเคืองต่อผิวหน้าคุณแม่ จึงควรเลือกใช้ในความเข้มต้นต่ำกว่า 5%
สารเหล่านี้ ถ้าได้รับประทานขณะตั้งครรภ์สามารถทำให้เด็กเกิดความผิดปกติหรือแท้งได้ โดยปกติคุณหมอจะหลีกเลี่ยงการให้ยากลุ่มนี้ทั้งในรูปของยารับประทานและชนิดทาที่ผิวหนัง
7. พาราเบน (Parabens)
เป็นสารกันเสียและสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และมีการตกค้างของสารเคมีในร่างกายเมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ Propyl Butyl Isopropyl Isobutyl และ Methyl Parabens
8. น้ำยายืดผมและกาวต่อขนตา
ผลิตภัณฑ์สองประเภทนี้มักจะมีส่วนผสมชองสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) Quaternium-15 Dimethyl-Dimethyl (DMDM) Hydantoin Imidazolidinyl Urea Diazolidinyl Urea Sodium Hydroxymethylglycinate และ 2-Bromo-2-Nitropropane-1 3-Diol (Bromopol) เนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารระเหยที่มีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง
9. ผลิตภัณฑ์ใส่ผม ครีมกำจัดขน และน้ำยาดัดผม
ในผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มักมีส่วนผสมของ Thioglycolic acid Labeled Acetyl Mercaptan Mercaptoacetate Mercaptoacetic acid และ Thiovanic acid ซึ่งสามารถทำให้ระบบทางเดินหายใจและผิวหนังระคายเคือง
10. ยาทาเล็บ
ในยาทาเล็บมักจะมีสาร Toluene Methylbenzene Toluol และ Antisal 1a ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ทำให้ทารกมีความพิการ และทำให้สมองเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น
11. น้ำหอม
ในน้ำหอมบางชนิดอาจมีพบสาร Phthalates Diethyl และ Dibutyl ที่สามารถทำให้ระบบทางเดินหายใจและระบบประสาทเกิดการระคายเคือง ส่งผลทำให้ปวดและเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน และเลวร้ายที่สุดคือสามารถทำลายอวัยวะภายในได้เลยทีเดียว
12. สบู่และแชมพู
ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบ Diethanolamine (DEA) Oleamide DEA Lauramide DEA และ Cocamide DEA เนื่องจากทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในส่วนผสมมีเกลือไนเตรท (Nitrates) อยู่ด้วยจะเกิดเป็น Nitrosodiethanolamine (NDEA) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งทันที
หากเกิดอาการแพ้ต้องทำอย่างไร?
หากคุณแม่พบอาการระคายเคืองผิว เป็นตุ่มพอง ตุ่มใส มีน้ำเหลืองซึม หรือมีผื่นแดง แสบ คัน ให้หยุดใช้เครื่องสำอางนั้นทันที สักพักอาการจะทุเลาลง แต่ถ้าไม่หายหรือกลับมาเป็นมากขึ้น แนะนำให้พบคุณหมอผิวหนังทันที
ที่สำคัญ เมื่อไปรับบริการดูแลผิวพรรณ คุณแม่ควรแจ้งคุณหมอหรือพนักงานด้วยทุกครั้งว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อที่คุณหมอจะได้จ่ายยาที่ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์
เมื่อคุณแม่รู้แบบนี้แล้ว ควรอ่านส่วนผสมหรือส่วนประกอบบนฉลากทุกครั้งก่อนการตัดสินใจซื้อ หรือดูของที่ใช้อยู่ว่ามีสารเคมีต้องห้ามบ้างรึเปล่า แต่ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ แนะนำว่าเลิกใช้ไปก่อนน่าจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th