โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ครอบครัวคนไทยป่วย COVID-19 เพิ่ม 3 คน-กักตัว 50 นักเรียน

Thai PBS

อัพเดต 26 ก.พ. 2563 เวลา 05.32 น. • เผยแพร่ 26 ก.พ. 2563 เวลา 06.23 น. • Thai PBS
ครอบครัวคนไทยป่วย COVID-19 เพิ่ม 3 คน-กักตัว 50 นักเรียน

วันนี้ (26 ก.พ.2563) นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดจากกรณีผู้ป่วยโรงพยาบาลบี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ทำให้วันนี้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 3 คน เป็นครอบครัวคนไทยที่เดินทางกลับจากเมืองฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่นแล้วป่วย

โดยเป็นชายไทยอายุ 65 ปีมีประวัติไปเที่ยวญี่ปุ่น และกลับมามีอาการไข้ 3 วัน และรับการรักษาเมื่อ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา และผลการตรวจ 2 เป็นภรรยา กลับมามีอาการภายในวันที่ 3 และรับการรักษาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ส่วนอีกอีกคนเป็นหลานชายอายุ 8 ปี ไม่ได้ไปต่างประเทศ แต่ใกล้ชิดกับปู่และย่า มีอาการน้อย แต่ตรวจให้ผลบวก

ผมขอตำหนิคุณปู่ที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ปกปิดไม่ยอมทำตามที่กำหนดไว้ว่ากลับจากประเทศเสี่ยงโรค จนกลับมาป่วย ถ้าไม่เจอโอกาสจะเป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์แล้ว แบบคุณป้าในเกาหลีใต้ได้ 

กักตัว 50 นักเรียนป้องกันเชื้อ 14 วัน 

นายอนุทิน กล่าวว่า ตลอดหลายสัปดาห์ที่บุคลากรสาธารณสุขทำงานเพื่อควบคุมโรคนี้ ไม่เคยปกปิดตัวเลขผู้ป่วย กระทั่งเกิดกรณีของคุณปู่คนนี้ที่ติดเชื้อข้ามประเทศจากการไปกลับจากเที่ยวกับภรรยา ขณะนี้อาจจะมีคนที่เข้าระบบการตรวจนับ 100 คนจากการปกปิดข้อมูลนี้ ทั้งคนใกล้ชิดและคนที่ร่วมทริปการเดินทางกับครอบครัวนี้  

ยอมรับว่า บั่นทอนจิตใจ ไม่ใช่แค่ประชาชน แต่บั่นทอนบุคลากรการแพทย์ และพวกผม เพราะทุกคนทำงานหนักมาก ทำมาแล้วแต่ถูกแหกคอก และอวดเก่งอวดดี ไม่อยากเคสนี้เกิดขึ้นและซ้ำรอยคนเกาหลี

ส่วนโรงเรียนที่พบเด็กชายวัย 8 ขวบที่ป่วย ขณะนี้กรมควบคุมโรค ได้ส่งทีมสอบสวนโรคไปที่โรงเรียนที่ขณะนี้ได้ให้เด็กในชั้นเรียนทั้ง 50 คนหยุดเรียนและอยู่บ้าน 14 วันเพื่อเฝ้าระวังโรคดังกล่าว ติดตามเป็นรายวัน

อ่านข่าวเพิ่ม ห้ามปกปิด! ทอ.เฝ้าระวังหลังพบ 2 ผู้ป่วย COVID-19 ย่านดอนเมือง 

มั่นใจไทยยังถึงขั้น "ซุปเปอร์สเปรดเดอร์"

ด้านนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการแพร่ระบาดแบบ ซุปเปอร์สเปรดเดอร์ เนื่องจากคนหนึ่งที่ติดเชื้อ สามารถแพร่เชื่อเฉลี่ยได้คราวละ 2 คนได้ ซึ่งกรณีของเคสคุณปู่ คนที่ปกปิดการกลับจากญีปุ่น ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยนำเข้าโรคนี้ ทำให้คนรอบตัวติดเชื้อ 1 คน คือหลานชายวัย 8 ขวบ ส่วนภรรยาของเขาน่าจะติดมาจากญี่ปุ่นเช่นเดี่ยวกัน

นอกจากนี้ขณะนี้ขอความร่วมมืองดคนไทยเดินทางไปประเทศที่พบการระบาดของไวรัส COVID-19 ระยะที่ 3 คือการระบาดภายในประเทศชัดเจนแล้ว ครอบคลุม จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ส่วน ยุโรป เช่น อิตาลี รวมทั้ง อิหรานที่มีการปรระบดาภายในประเทศชัดเจน นอกจากนี้ยังจับตาเฝ้าระวังใกล้ชิดประเทศสหัรฐอเมริกาเพิ่มเติม เพราะเข้าเริ่มระบาดระยะที่ 3 ภายในประเทศแล้ว

ส่วน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 40 คน โดย 24 คนหายป่วยแล้วล่าสุดกลับอีก 3 คนเป็นแม่บ้านคนไทย 1 คนและชาวจีน 1 คน ส่วนตัวเลขผู้ป่วยใหม่มีเพิ่ม 3 คน มาจากครอบครัวเดียวกันมีประวัติไปเที่ยวญี่ปุ่น 

นพ.สุขุม กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ออกมาตรการห้ามบุคลากรสาธารณสุขทุกคน ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ แต่หากมีความจำเป็นต้องไปจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคในระยะเวลา 14 วัน ส่วนครู-อาจารย์ ต้องงดเที่ยวในพืนที่ระบาดเช่นดเดียวกัน และหากไปแล้วกลับมาต้องเฝ้าระวังใน 14 วัน 

กรณีไปประเทศเสี่ยงมาจะต้องบอกกัแบพทย์ หากไม่แจ้งผลร้ายจะเกิดกับครอบครัว ภรรยา ลูกหลาน ถ้ารุนแรงจะถึงขั้น เสียชีวิตได้ เช่นกรณีคุณปู่ ที่เดินทางกลับจากญี่ปุ่น ที่ปล่อยไว้ 3 วันจนอาการปอดบวมและตรวจเจอเชื้อ

ออกกฎห้ามบุคคลากรเดินทางประเทศเสี่ยง

เช่นเดียวกับนายอนุทิน กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่ของสาธารณสุข ห้ามเดินทางไปต่างประเทศ และส่วนงานราชการขอความร่วมมือเป็นแบบอย่างกับหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้ง ขอความร่วมมือบริษัททัวร์ อย่าออกโปรโมชั่น ไปญี่ปุ่น 2,000-3,000 บาทแต่ค่ารักษาแพง และอาจจะไปที่ยวครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้

ขอให้คนไทยเที่ยวในประเทศไทย ก็จะถือเป็นการช่วยเศรษฐกิจไทยและความจำเป็น เพราะการป้องกันโรคติดต่อข้ามชาติ ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาขนด้วย คงไม่ใช่แค่บุคลากรทางสาธารณสุขที่จะควบคุมสถานการณ์

โดยช่วงบ่ายนี้ จะมีการเซ็นรับรองโรคติดต่ออันตราย แล้วจะมีประกาศราชกิจจานุเบกษา ภายใน2-3 วัน พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ระยะที่ 3 อยู่ ที่ระยะที่ 2 เท่านั้น

ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ขอความร่วมมือกว่าอย่าเพิ่งเดินทางไปเที่ยวในในประเทศมีโปรโมชั่นลดค่าตั่ว ค่าทัวร์ เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

เลี่ยงการชุมนุมคนเยอะเสี่ยงโรค 

นายอนุทิน กล่าวถึงกรณีที่นักศึกษาจากหลายสถาบันมีการชุมนุมแฟลชม็อบว่า อาจจะต้องขอให้ผู้ดำเนินการจัดชุมนุมควรจัดให้มีการคัดกรองโรค เหมือนกับการเข้าห้างสรรพสินค้า หรือเตรียมอุปกรณ์หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือให้กับผู้ชุมนุมด้วย แต่ไมได้หมายความว่าจะไม่มีความเสี่ยง แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยง การชุมนุม การรจัดประชุม การไปเที่ยวและเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยงขอให้เลื่อนไปจนกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0