โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

คนรวยที่ไม่น่ารัก

Money2Know

เผยแพร่ 21 ม.ค. 2562 เวลา 01.00 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
คนรวยที่ไม่น่ารัก

เนื่องจากผมทำงานในวงการสื่อสารมวลชนมาเกือบ 30 ปีแล้ว จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับคนร่ำคนรวยระดับเศรษฐีมหาเศรษฐีจำนวนมาก บางคนก็รับรู้เรื่องราวของเขาผ่านข่าว บางคนก็ได้สัมผัสด้วยตัวเอง เป็นประสบการณ์ตรงที่เจอกับตัวเอง

วันนี้ผมจะเล่าเรื่องราวของคนรวยที่ผมรู้จัก ในโอกาสที่ประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการตลาดทุน จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล้ากล่าวโทษมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ผู้ครอบครองธุรกิจมากมาย รวมถึงเป็นเจ้าของสื่อโทรทัศน์ด้วย ว่าได้มีพฤติกรรม “ปั่นหุ้น” และสั่งปรับเป็นเงินประมาณ 500 ล้านบาท

นั่นเป็นการส่งสารที่ชัดเจนที่สุดไปสู่สังคมไทยว่า อำนาจเงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าการงัดข้อของ ก.ล.ต. กับมหาเศรษฐีระดับนี้คงไม่จบลงง่ายๆ แน่ แต่จะมีอะไรน่าตื่นเต้นแค่ไหน รอติดตามกันดูก็แล้วกันครับ คนระดับนี้กับค่าปรับแค่ 500 ล้านบาท มันเป็นเงินแค่ขี้ปะติ๋ว แต่ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดชีวิตที่จะต้องมาแปดเปื้อนในวัยไม้ใกล้ฝั่งนี่แหละครับที่จะทำให้เรื่องไม่จบ

เรื่องราวของคนรวยที่ผมจะเขียนถึงต่อไปนี้ ไม่เกี่ยวกับเสี่ยปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ นะครับ แต่เป็นคนอื่นๆ ที่ผมได้มีโอกาสสัมผัสใกล้ชิดด้วยตัวเอง โดยจะขอไม่เอ่ยนามแต่ละท่าน แค่อยากให้รับรู้พฤติกรรมความน่ารักหรือไม่น่ารักของแต่ละท่านเท่านั้นเอง

คนแรกเป็นสุภาพสตรี เป็นผู้บริหารธุรกิจเหล็กรายใหญ่ของประเทศ ซึ่งสามีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (ในยุคที่อุตสาหกรรมเหล็กเฟื่องฟูมากๆ นะครับ ไม่ใช่ยุคปัจจุบันนี้) แม้จะร่ำรวยมหาศาล แต่เธอเล่าให้ผมฟังว่า เธอไม่ยึดติดของแบรนด์เนมใดๆ เลย โดยชูนาฬิกาข้อมือขึ้นมาแล้วถามผมว่า “น้องทายซิ นาฬิกานี้เรือนละเท่าไหร่” ใครจะกล้าทายถูกๆ ล่ะครับ จริงมั้ย ผมจึงทายไปว่า “ไม่น่าจะต่ำกว่าแสนครับ” แต่สิ่งที่เศรษฐีนีท่านนี้ตอบมาทำให้ผมอึ้ง “สามร้อยบาท” แล้วท่านก็พูดด้วยความภูมิใจว่า “เห็นมั้ย ถึงพี่ใส่นาฬิกาเรือนละสามร้อย คนอื่นก็มองว่าพี่ใส่ของแพงอยู่ดี แล้วจะต้องซื้อของแพงๆ มาใส่ทำไม เอาที่ใช้งานได้ เดินตรงเวลา สวยพอประมาณก็พอแล้ว”

ท่านแรกนี้ผมจัดอยู่ในประเภทคนรวยที่น่ารัก และทำให้ผมพบสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า คนที่รวยจริงนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องหาอะไรมาประดับประดาเพื่อให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นคนรวย

คนที่สองเป็นผู้ชาย (ไม่อยากเรียกว่าสุภาพบุรุษ เพราะอะไร อ่านต่อไปก็รู้ครับ) ร่ำรวยจากการเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ก่อนที่จะออกไปทำธุรกิจของตัวเอง โดยตอนที่ผมไปเจอกับเขาในขณะที่เขาเป็นผู้บริหารเกือบสูงสุดในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งนั้น เขาบอกว่าเขาต้องจ่ายภาษีจากรายได้ของเขาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล เรียกว่าเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศก็ได้ ซึ่งฟังดูเหมือนจะดีใช่มั้ยครับ คือรู้ว่าตัวเองต้องเสียภาษีจำนวนมากก็ไม่พยายามหากลไกอะไรมาหลบหลีกภาษี แต่พอเขามาทำธุรกิจของตัวเองได้ไม่นาน (โดยการเข้ามาซื้อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่แล้ว หรือที่เรียกว่าเข้าตลาดหุ้นทางลัด) ก็ถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ ว่ากระทำการทุจริต เบียดบังทรัพย์สิน และแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ จนทำให้บริษัทฯ เสียหาย หรือเรียกง่ายๆ ว่า “โกง” นั่นแหละครับ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นสูงกว่า200ล้านบาท แบบนี้เรียกว่าคนรวยที่ไม่น่ารัก

ยังมีคนรวยที่น่ารัก ใจบุญสุนทาน มีความเมตตาปราณี อีกมากมายที่ผมได้รู้จักมักคุ้น และก็มีคนรวยหรือเกือบรวยอีกมากมายเช่นกันที่ทำตัวกร่าง ถือตัว โอ้อวด ยกตนข่มท่าน ไม่มีความเมตตาปราณี และที่ร้ายที่สุดคือขี้โกง

ดังนั้น ความรวยกับความดีจึงต้องพิจารณาแยกออกจากกัน…คนที่นิสัยเลว สันดานโกง ต่อให้รวยแค่ไหน สันดานก็ไม่เคยเปลี่ยนครับ  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0