โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

คดีพลิก! ศึก“เกษม ณรงค์เดช ”ฟ้อง “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา”มีภาคต่อ **น้องสาวข้าใครอย่าแตะ!! "ชาดา" เดือดพวกที่มาขู่ "รมช.มนัญญา" ที่เดินหน้าแบน 3 สารพิษ

Manager Online

เผยแพร่ 16 ต.ค. 2562 เวลา 22.02 น. • MGR Online

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**คดีพลิก! ศึก“เกษม ณรงค์เดช ”ฟ้อง “คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา”มีภาคต่อ ศาลอุทธรณ์รับฟ้องคดี ใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้นวินด์ฯ

คดีระหว่าง“เกษม”นักธุรกิจตระกูลดัง“ณรงค์เดช”ฟ้องร้อง“คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา”ภรรยาของ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ "พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา" กับพวก ฐานใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH)อดีตดาวรุ่งพุ่งแรงในธุรกิจพลังงานเมื่อหลายปีก่อน ซึ่ง “ณพ ณรงค์เดช”เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ต่อมาคดีนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 61 ศาลอาญาพิจารณามีคำสั่งไม่รับฟ้อง ทำให้ เกษม จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ

ก่อนจะเป็นคดีต้องขอเล่าย้อนกันหน่อย

เรื่องของเรื่อง ช่วงต้นปี 2561 “ณพ”ถูกฟ้องจาก 3 บริษัทในฮ่องกง ประกอบด้วย บริษัทซิมโฟนี่ พาร์ทเนอร์ (เอสพีแอล) บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสเมนท์ (เอ็นจีไอ) และบริษัท ไดนามิค ลิ้งค์ เวนเจอร์ (ดีแอลวี) ในคดีซื้อขายหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ซึ่งมูลเหตุเกิดช่วงปี 2558 ภายหลังดีลซื้อขายหุ้นกับณพ แล้วมีปัญหาชำระค่าหุ้นไม่ครบถ้วน ได้รับความเสียหายจากการผิดนัดชำระค่าหุ้น อยู่ที่ตัวเลขประมาณ 876,522,933.77 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 29,731,658,521.66 บาท และเรียกร้องให้มีการใช้หนี้ค่าหุ้นดังกล่าว แต่ตกลงกันไม่ได้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องคดีกับ "ณพ" และผู้เกี่ยวข้อง

ตอนนั้น เป็นข่าวครึกโครมในแวดวงธุรกิจ สะเทือนเลื่อนลั่นแวดวงสังคมทั่วไป เพราะใครๆ ก็รู้จักตระกูลนักธุรกิจ “ณรงค์เดช”เป็นอย่างดี

ก่อนที่ในเวลาต่อมา "เกษม" ผู้เป็นพ่อของณพ ได้ยื่นฟ้องคดีอาญา "คุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดา" แม่ภรรยาของณพ กับพวก คดีใช้เอกสารปลอมในการโอนหุ้นวินด์ฯ และ ถอดถอนตำแหน่ง เกษม ทำธุรกรรมเปลี่ยนชื่อจาก เกษม มาเป็น คุณหญิงกอแก้ว โดยที่ทางครอบครัวณรงค์เดช มารู้ตรวจสอบพบข้อมูลในช่วงเดือน เม.ย.59 และช่วงเดือน มิ.ย.60 โดยมี"ณพ" ลงนามเป็นพยาน

เอกสารการโอนหุ้นทั้งหมด เกษมยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ลายเซ็นไม่ใช่ของตนเอง เป็นเอกสารปลอมที่ทำขึ้นทั้งหมด !

สำหรับเรื่องภายหลังจาก ศาลอาญาได้ตัดสินไม่รับฟ้องคดี ก็มีข้อมูลไปปรากฏในสื่อบางสำนักว่า ในการฟ้องร้องคดีนี้ เกษม ซึ่งปัจจุบันมีอายุมาก มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ถูกคนในครอบครัวใช้เป็นเครื่องมือในการฟ้องร้องลูกชายคนรอง และแม่ยาย อุปมาเหมือนละคร “ศึกสายเลือด”ที่ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน

เวลาผ่านมาหลายเดือนนับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 16 ต.ค. “คดีมีมูล”เมื่อศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เห็นว่า พยานหลักฐานของเกษม ที่นำสืบมาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มีข้อเท็จจริงในเบื้องต้นของมูลคดีเพียงพอที่ศาลจะประทับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว

แม้เกษมจะไม่ได้มาเบิกความด้วยตนเองในชั้นนี้ แต่การที่เกษม ยื่นฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ และยื่นฟ้องต่อศาลฮ่องกง เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงตามฟ้องของเกษม ในเบื้องต้นแล้วว่า สัญญาแต่งตั้งตัวแทน ตราสารการโอนหุ้นและใบสำคัญการซื้อขายหุ้น ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้สำหรับการโอนหุ้นจากเกษมไปยังคุณหญิงกอแก้ว เป็น“เอกสารสิทธิปลอม”

เกษมไม่เคยลงชื่อในเอกสารดังกล่าว !

ว่ากันว่า เกษมยังนำสืบให้ศาลเห็นอีกว่าได้มีการส่งสำเนาเอกสารดังกล่าวไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตรวจสอบเปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อที่แท้จริงของเกษม แล้วสรุปผลการตรวจพิสูจน์ว่า ลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นลายมือชื่อของเกษม ซึ่งเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของเกษมแล้วว่า เอกสารดังกล่าวเป็น เอกสารปลอม

หลังจากนี้"คุณหญิงกอแก้ว" กับพวก มีหน้าที่จะต้องมาทำเรื่องประกันตัวต่อศาลอาญา โดยศาลอาญามีนัดสอบคำให้การจำเลย ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562

ซึ่งสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ตราสารการโอนหุ้น และใบสำคัญการซื้อขายหุ้น ที่เกษมนำมาฟ้องคุณหญิงกอแก้วกับพวก ในคดีนี้ เป็นเอกสารเดียวกันกับที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของเกษม ในต้นฉบับเอกสารดังกล่าว และได้มีรายงานการตรวจพิสูจน์ว่าเป็น"ลายมือชื่อปลอม" ไม่ใช่ลายมือชื่อของเกษม

"คดีพลิก" และ มี"ภาคต่อ"นี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตามกันต่อไป

**น้องสาวข้าใครอย่าแตะ!! "ชาดา" เดือดพวกที่มาขู่ "รมช.มนัญญา" ที่เดินหน้าแบน 3 สารพิษ …รู้นะว่าเป็นพวกข้าราชการที่ทำตัวเป็นเอเยนต์หรือเซลส์ของบริษัทขายสารเคมี

หลังจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ที่มาจาก ตัวแทนภาครัฐ ตัวแทนภาคธุรกิจ ตัวแทนเกษตรกร และ ตัวแทนฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภค มีมติ 9-0 ให้ "แบน" 3 สารพิษ " พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไกลโฟเซต" โดยห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย ห้ามมีไว้ในครอบครอง และห้ามผลิต โดยให้มีผลในวันที่ 1 ธ.ค.นี้

มติดังกล่าว "เฉลิมชัย ศรีอ่อน" รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามรับรอง เพื่อนำเสนอต่อ "คณะกรรมการวัตถุอันตราย" ที่จะมีการประชุมชี้ขาดในวันที่ 22 ต.ค.นี้แล้ว

เช่นเดียวกับท่าทีของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น "อนุทิน ชาญวีรกูล" รมว.สาธารณสุข "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" รมว.อุตสาหกรรม ก็เห็นไปในทางเดียวกันว่าให้ "แบน" ขณะที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้จะไม่พูดออกมาตรงๆ ว่า สนับสนุนให้ "แบน" โดยเลี่ยงไปใช้คำว่า "ลด ละ เลิก" แต่ก็พอจะเห็นสัญญาณแล้วว่า เรื่องนี้ควรจะเดินไปในทิศทางใด

ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่เสียประโยชน์ก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ ออกมาบ้างเช่นกัน ทั้งในลักษณะ "บนดิน-ใต้ดิน" … ในทางเปิดเผย ก็ผ่านมาทางนักวิชาการ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง อ้อย ปาล์ม ยางพารา ว่ายังมีความจำเป็นต้องใช้ เพราะขณะนี้ยังไม่มีสารใดที่มีคุณสมบัติ และราคาเทียบเท่า หรือใกล้เคียงมาทดแทน… ที่จะมาทดแทนได้ก็ราคาสูงกว่าหลายเท่าตัว จึงเตรียมไปร้องศาลปกครอง ขอให้คุ้มครองชั่วคราว …

ส่วนความเคลื่อนไหวใน”ทางลับ” ก็จะออกมาในลักษณะของการข่มขู่ ผ่านโทรศัพท์ ผ่านโซเชียลฯ เป็นระยะๆ ทั้งในช่วงนี้ และก่อนหน้านั้น โดยพุ่งเป้าไปที่ "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่เป็น "แม่งาน" การแบนสารพิษในครั้งนี้ รวมทั้งนักวิชาการที่เป็นแนวร่วมคัดค้าน

ขนาด "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงกับต้องออกมาตอบโต้คนกลุ่มนี้ว่า "หน้าตัวเมีย กระจอก" ถ้าเก่งจริงก็ให้ไปขู่ "ชาดา ไทยเศรษฐ์" ส.ส.อุทัยธานี ที่เป็นพี่ชายของ"รมช.มนัญญา" โน่น

และล่าสุด "ชาดา ไทยเศรษฐ์" ก็ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก Chada Thaised ตอบโต้กลุ่มที่มาข่มขู่น้องสาว… โดยเฉพาะข้าราชการที่ทำตัวเป็นเอเย่นต์ หรือเซลส์ของบริษัทขายสารเคมี ว่า … มีหลายคนเตือนผมว่าผลประโยชน์มันเยอะ ทำยาก ไม่สำเร็จหรอก แล้วก็อันตราย … ผมบอกเอาเหตุผลมา แต่ต้องอยู่บนผลประโยชน์สุขภาพของประชาชนคนไทยทั้งชาติ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มคนกลุ่มเดียว ใช้หลักการคุยกัน อย่ามาใช้วิธีการทำลายล้างกัน … อย่ามาทำอะไรน้องสาวผมนะ !!

… แต่ดูไปดูมา มันฝังผลประโยชน์กับระบบราชการลึกมาก นายทุนครอบงำจนข้าราชการบางคนทำเหมือนว่า ถ้าเลิกสาร 3 ตัวนี้ ประเทศนี้จะล่มสลาย เรื่องเกษตรกรจะใช้อะไรในการกำจัดวัชพืช ก็เป็นเรื่องสำคัญ ที่ราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการ ทั้งการหาวิธีในการจัดการวัชพืช และการเยียวยาให้พี่น้องเกษตรกรอย่างดีที่สุด … เรื่องสารพิษไม่ใช่ความผิดของพี่น้องเกษตรกร กระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้แนะนำ ส่งเสริมให้เกษตรกรโดยไม่ได้บอกว่าโทษของมันเป็นอย่างไร วิธีการใช้ทำอย่างไรให้ถูกต้อง…

ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯบางคน หน่วยงานบางหน่วยงาน "ทำตัวเป็นเอเย่นต์หรือเซลส์ของบริษัทขายสารเคมี" วันนี้กรมที่รับผิดชอบไม่เคยออกพูดว่า ทางแก้คืออะไร ชี้แนวทางว่า ถ้าใช้ต่อ ต้องทำแบบไหน ไม่ใช้ต้องดำเนินการอย่างไร แต่วันนี้กลับทำตัวเป็นผู้แทนบริษัทขายสารเคมี เรื่องทั้งหมดเกิดจากกระทรวงเกษตรฯ ขาดสำนึกในการที่จะทำหน้าที่เพื่อเกษตกร และประชาชนคนไทย… องค์กรนี้ต้องปฏิรูปใหม่ วันนี้ปัดความรับผิดชอบตลอดเวลา เรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ก็อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ขาย มีหน้าที่ส่งเสริมการผลิตไม่ใช่ขาย แต่วันนี้การผลิตมีปัญหา คุณยอมรับหรือไม่ว่าปัญหาการผลิตที่ผิดพลาดเกิดจากหน่วยงานกระทรวงนี้ทั้งนั้นแหละ…

จากโพสต์นี้ของ "ชาดา" ผู้มากบารมีแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง …ข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ ที่ทำตัวเป็นเอเย่นต์หรือเซลส์ของบริษัทขายสารเคมี รู้แล้วจะหนาว !!

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0