ข้าวไทยขาดการพัฒนาต้นเหตุแพ้ “หอมมะลิเวียดนาม”

วันนี้ ( 17 พ.ย. 62 )ในการประชุมข้าวโลก (world rice conference 2019) ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อสัปดาห์มา ที่ประชุมได้ประกาศให้ข้าวหอมมะลิเวียดนามพันธุ์ “เอสที 24” เป็นข้าวที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2019 (the World's Best Rice award 2019) ส่วนข้าวหอมมะลิจากไทยได้อันดับ 2 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากคว้าแชมป์ข้าวที่ดีที่สุดในโลกมาแล้ว 5 สมัยก่อนหน้านั้น ขณะที่ข้าวหอมจากประเทศฟิลิปปินส์คว้าอันดับ 3 มาครอง 

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การที่ข้าวหอมมะลิไทยที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ข้าวโลกได้เป็นปีที่ 2 หลังจากปีที่แล้วแพ้ให้กับข้าวหอมมะลิกัมพูชาลีอังกอร์ และปีนี้แพ้ให้กับข้าวหอมมะลิเวียดนาม ซึ่งได้อันดับที่ 3 เมื่อปีที่แล้ว นั้น สะท้อนว่าเวียดนามมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวของตนเองอย่างต่อเนื่อง ต่างจากข้าวหอมมะลิไทยที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีการพัฒนาสายพันธุ์เลย 

ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาสายพันธุ์ พัฒนาคุณภาพ และรักษาความหอมของข้าวหอมมะลิไทยเอาไว้ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและกัมพูชา พัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิจนมีคุณภาพใกล้เคียงกับข้าวหอมมะลิไทยแล้ว อีกทั้งมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยกว่า 100% โดยปัจจุบันข้าวหอมมะลิไทยราคาอยู่ที่ 1,126 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ส่วนข้าวหอมมะลิเวียดนามราคาอยู่ที่ 558-562 ดอลาร์สหรัฐ/ตัน 

รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วง 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.62) ไทยส่งออกข้าวได้ 5.93 ล้านตัน ลดลง 28.13% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ส่งออกข้าว 8.25 ล้านตัน ขณะที่มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 9.79 หมื่นล้านบาท ลดลง 24.63% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีมูลค่าส่งออก 1.32 แสนล้านบาท โดยสาเหตุหลักจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง ขณะที่ปีนี้ผู้ส่งออกคาดว่าการส่งออกข้าวทั้งปีจะอยู่ที่ 8 ล้านตันจากปีที่แล้วที่ส่งออกได้ 11 ล้านตัน