โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ข่าวลึกปมลับ : “อภิสิทธิ์”บ้าไปแล้ว? ปชป.ต่ำ100 ทิ้งเก้าอี้

Manager Online

อัพเดต 16 ม.ค. 2562 เวลา 11.29 น. • เผยแพร่ 16 ม.ค. 2562 เวลา 11.29 น. • MGR Online

รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันพุธที่ 16 มกราคม 2562 ตอน “อภิสิทธิ์”บ้าไปแล้ว? ปชป.ต่ำ 100 ทิ้งเก้าอี้

พรรคการเมืองที่คึกคักอย่างไม่น่าเชื่อ ในการเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะถึง ต้องยกให้ “ก๊กสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ เพราะตั้งแต่คสช. เปิดหวูดให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ประชาธิปัตย์ก็ออกตัวในทันที มุ่งหน้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง โดยขณะนี้วิ่งไปไกลกว่าพรรคอื่นแล้ว

ที่ว่าไไกลแล้ว จะเห็นได้จากการจัดวางตัวว่าที่ผู้สมัครส. ส. ทั่วประเทศไปเรียบร้อย ใครควรลงสมัครเขตก็ได้อยู่ ใคร”ตีสองหน้า”ก็ถูกเด็ดหัวไป ไม่ให้สิทธิ์ลงเขต จับมาแขวนอยู่ในบัญชีรายชื่อแทน

ดูตัวอย่างความพร้อมของปชป. เห็นจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปชป. สามารถประกาศตัวว่าที่ผู้สมัครส. ส. กรุงเทพมหานครครบทั้งหมด30 เขต ก่อนพรรคใหญ่ด้วยกัน คืออย่างพรรคเพื่อไทย สถานะยังรีๆรอๆอยู่ ส่วนพลังประชารัฐ แม้ว่าจะเคาะชื่อไปแล้ว ยังไม่กล้าเปิดตัว

ในส่วน ว่าที่ผู้สมัครส. ส. ทั่วประเทศของปชป. ก็ได้ตัวกันไปแล้ว ซึ่งการคัดเลือกตัวผู้สมัครเขตในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ ทางอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ได้ถือโอกาสเชือด “พวกถ่างขารอเสียบ”ที่จะอาศัยสวมเสื้อสีฟ้าเข้ามาสภาฯในฐานะส. ส. เขต

อภิสิทธิ์โชว์เพาว์ให้เห็นในฐานะหัวหน้าพรรค แสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด มีมาตราลงโทษแรง แสดงบทบาทเป็นแม่ทัพที่ไม่ยอมให้ทหารแตกแถว กำจัดไส้เน่าที่มีอยู่ในพรรคทั้งวันนี้และในอนาคต

ปฏิบัติการเชือดของอภิสิทธิ์ จัดหนักชุดแรก ผ่านการจัดทัพกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์รอบล่าสุด ที่รายชื่อฟากกลุ่ม “ถาวร เสนเนียม” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และของ “สุเทพ เทือกสุบรรรณ” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครปช.ถูกหั่นทิ้งเกลี้ยงแผง

หลังจากนั้น ถึงคิว อดีตส. ส.รุ่นใหญ่ลายครามของพรรค ที่ดูแล้วรักและฝักใฝ่ปันใจให้สุเทพมากกว่ามาร์ค ก็ถูกย้ายมาลงบัญชีปาร์ตี้ลิสต์แทน เอาสายตรงที่เชื่อใจได้มาสมัครส. ส. เขตแทน

ส่วนคนที่มีหังการ์ซ่านัก มีเงื่อนไขต่อรอง เช่น กรณีขอเอาพี่อยู่กับสุเทพ แต่ตัวเองอยู่กับประชาธิปัตย์ ก็ทำไม่ได้ เรื่องทำนองมีเสียงวิจารณ์ว่าอภิสิทธิ์สองมาตราฐาน คือบางคนในพรรค พ่ออยู่ประชาธิปัตย์แต่ลูกเป็นผู้สมัครส. ส. กทม. ของพรรคพลังประชารัฐ อภิสิทธิ์กลับปล่อยให้ทำได้

ก็เกิดเสียงนินทาว่า พรรคสีฟ้าก็มีสองมาตราฐานด้วยหรือ ระหว่างพี่กับน้อง พ่อกับลูกก็ไม่ต่างอะไรกัน แต่ทำไมปฏิบัติคนละด้านคนอย่างอย่าง เหมือนขาวกับดำเลยทีเดียว

แต่ถ้าจะทำความเข้าใจเรื่องนี้ก็ไม่ยาก การลงดาบใส่บางคนมันไม่ใช่กฎเหล็กของพรรคแน่ แต่แท้จริงเป็นมาตรการการปราบพยศลูกพรรค ต่างหาก

การแสดงออกถึงความเด็ดขาดเอาจริงของอภิสิทธิ์ น่าจะเรียกขวัญกำลังใจพลพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาขวัญกล้าอีกครั้ง เสร็จตากการจัดทัพ เขายังได้เป็นแม่ทัพที่วางเป้าหมายการยุทธ์ไว้อย่างชัดเจน

ด้วยการประกาศล่วงหน้า จะทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ถ้าการเลือกตั้งได้ส. ส. ต่ำกว่า100คน

นี่ย่อมเรียกเสียงฮือฮาจากคนที่ติดตามการเมือง และส่วนใหญ่ก็คงคิดว่า อภิสิทธิ์ที่ครองตำแหน่งหัวหน้าพรรคมานานกว่า13 ปี เสียสติไปล้ว และคงจะได้ลุกพ้นเก้าอี้ประมุขก๊กสีฟ้าอย่างสมใจแน่

โดยคนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า ปชป. ไม่น่าจะทำได้ถึง100คน ทั้งส. ส. เขตและปาร์ตี้ลิสต์ เพราะประเมินจากสรรพกำลังและเสบียงกรัง เงินทุน ล้วนอยู่ในสภาพขาดแคลน แถมถูกดูดอดีตส. ส. ไปหลายคน

แล้วจะมีอะไรมาต่อสู้กับพลังประชารัฐ ที่มีทั้งเงินทุนและอำนาจ หรือเพื่อไทยที่ตัวคนก็แน่น เงินทุนก็หนา ดูเหลี่ยมไหน ประชาธิปัตย์ก็ยากจะต่อกรได้

แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง ก็จะพบว่าตัวเลข100คนส. ส. ประชาธิปัตย์ที่จะมากับการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเรื่องเป็นไปได้ และสามารถทำได้ไม่ยากเลย

ซึ่งเป็นผลมาจากที่อภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์ตีความกฎที่ว่าด้วยการได้มาซึ่งส. ส. ตามรัฐธรรมนูญ60 ได้อย่างเข้าใจ จึงสามารถคาดการณ์คิดตัวเลขผลการเลือกตั้งของพรรคได้ล่วงหน้า ที่ค่อนข้างเป็นจริง แถมเป็นตัวเลขขั้นต่ำที่พรรคจะได้ด้วยซ้ำ

ต้องทำความเข้าใจ และต้องทราบว่า การได้ส. ส. ตามรัฐธรรมนูญ60 ใช้สูตรการคิดคำนวณในระบบจัดสรรปันส่วนผสม โดยมีวิธีการคิด คือจะเอาคะแนนรวมของทุกพรรค ที่ได้จากเขตเลือกตั้งทั้งประเทศจำนวน350เขตมารวมกัน แล้วหารด้วย500 ก็จะได้ฐานคะแนนตัวต่อส. ส. หนึ่งคน

การเลือกตั้งครั้งนี้ประมาณว่า จะมีคนมาใช้สิทธิ์ประมาณ40ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว51ล้านคน ตามสูตรเอา40ล้านตั้งหารด้วย500 ก็จะเป็นคะแนนต่อส. ส. หนึ่งคน คือ คะแนน80,000 คะแนน จะได้ส. ส. 1คน

ตามที่อภิสิทธิ์ตั้งโจทย์วางเป้าหมายไว้100คน พรรคจะต้องทำคะแนนเสียงรวมทั่วประเทศได้ จำนวน 8ล้านเสียง เท่านั้นเอง ที่ว่าเท่านั้นเอง ก็เพราะคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ พรรคประชาธิปัตย์ จากการเลือกตั้งปี2554 ทำได้11.4ล้านเสียงเศษ

ดังนั้น แค่ปชป. รักษาฐานเสียงเก่าได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะได้แบ่งปันส. ส. มาประมาณ143 คน แต่เลือกตั้งคราวนี้มีคนมีเสียงออกเสียงเพิ่มจากครั้งปี54อีก6ล้านคน ประชาธิปัตย์จะไม่ได้เสียงคนรุ่นใหม่เลยหรือ

คาดว่าประชาธิปัตย์คงจะรักษาฐานเสียงไว้ได้ และก็ควรจะได้เสียงจากคนรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย ดังนั้นโอกาสที่คะแนนรวมจาก350เขต ไม่น่าจะน้อยกว่า8 ล้านคะแนนเสียง ประชาธิปัตย์ก็จะได้ส. ส. 100คนขึ้นไป

จึงน่าเป็นไปได้มาก ว่าหลังจบเลือกตั้ง ผลตัวเลขส. ส. ที่ประชาธิปัตย์ได้มา จะรักษาเก้าอี้หัวหน้าพรรคไว้กับอภิสิทธิ์ต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0