รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม ผู้จัดการ 360 วันอังคารที่ 23 เมษายน 2562 ตอน “กลุ่มสามมิตร”พลาดท่า ซ้อนแผนดูด ส.ส.เข้ามุ้ง
กลับมาว่ากันต่อ เรื่อง ศึกสายเลือดในพรรคพลังประชารัฐ ที่หากได้เป็นรัฐบาล มีเค้าลางจะมีปัญหาในการแบ่งสันปันส่วนเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆที่เข้ามาผนึกกำลังสร้างพรรคพลังประชารัฐ ลงสู้ในศึกเลือกตั้ง จนได้จำนวน ส. ส. เข้ามารวมร้อยกว่าคน
กลุ่มการเมืองที่มีสิทธิ์ได้โควต้ารัฐมนตรีเป็นกลุ่มต่อไป ต่อจากกลุ่มชั้นในคสช. อย่างกลุ่มสี่กุมาร และกลุ่มกทม. ก็ยังมีอีกหลายกลุ่มที่มีขุมกำลังแข็งแกร่ง มีอำนาจต่อรองสูสีกัน และล้วนมีชื่อชั้น มีพิษสงที่จะมองข้ามไม่ได้ทั้งนั้น
ถึงตอนนี้มาว่ากันกับกลุ่มที่สามในพลังประชารัฐ คือ กลุ่มสามมิตร โดยการนำของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรค สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ รับผิดชอบภาคอีสาน อนุชา นาคาสัย ว่าที่ส.ส.ชัยนาท กรรมการบริหารพรรค รับผิดชอบภาคกลาง
กลุ่มสามมิตรจัดว่าเป็นพวกแรกที่เปิดตัวขับเคลื่อนพรรคการเมืองให้คสช. ลงทุนทั้งชื่อเสียงและทุนรอนไปมากกว่ากลุ่มอื่น แต่ผลงานเลือกตั้งว่าไปตามสภาพ ถือว่าบางภาคบางพื้นที่ กลุ่มสามมิตร ทำผลงานได้น่าผิดหวังพอสมควร แต่บางจังหวัดก็ทำได้เหนือความคาดหมาย
มีเสียงจากคนในพลังประชารัฐ บอกว่า หากกลุ่มสามมิตร ทำผลงานเข้าเป้ากว่านี้ ก็คงไม่ต้องมาลุ้นเหนื่อยกับการตั้งรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำ เพราะหลายจังหวัด แพ้ขาดลอย หลุดลุ่ย ไม่สมราคาที่คุยเอาไว้ตอนก่อนเลือกตั้ง
ที่น่าผิดหวังก็คือภาคอีสาน ที่มี 116 ที่นั่ง ก่อนหน้านี้สุริยะ นำทัพใหญ่ของพรรค ไปหาเสียงตรึงพื้นที่ร่วมสองเดือน และคุยว่าจะกวาดอย่างน้อย 60ที่นั่ง ผลปรากฏว่า หลายจังหวัดไม่เป็นไปตามเป้า เช่น ที่จังหวัดเลย กลุ่มปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ไปดูดมจากเพื่อไทยเดิมคาดหวังไว้ว่าได้แน่ๆ สามที่นั่งยกจังหวัด สุดท้าย แพ้ราบคาบ
เช่นเดียวกับอีกหลายพื้นที่ ซึ่งคาดหวังไว้สูงเช่น ร้อยเอ็ด นครพนม ยโสธร สุรินทร์ อุบลราชธานี ก็แพ้แบบหมดรูป รวมแล้วอีสาน ได้มาแค่สิบกว่าที่นั่ง
จึงทำให้ กลุ่มสามมิตร ทั้งสมศักดิ์-สุริยะ เสียราคาเสียเครดิตไปไม่น้อย กับการที่อีสาน พลาดเป้าไปเยอะ ส่วนที่บางจังหวัดในอีสาน ที่พรรคชนะมา ก็พบว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอื่น เช่น กลุ่มรัตนเศรษฐของวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตรมช.เกษตรฯ หัวหน้าทีมโคราช พลังประชารัฐ
ถือว่าวิรัชทำผลงานเข้าตา กวาดมาได้หกเก้าอี้ ส่วนที่พลาดบางเขตในโคราช พบว่า เป็นคนของกลุ่มสามมิตรเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทีมของวิรัชเช่น สุภรณ์ อัตถาวงษ์, จำลอง ครุฑขุนทด, บุญจง วงศ์ไตรรัตน์
ด้วยผลงานประจักษ์ชัดเช่นนี้ หากพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล วิรัช รัตน์เศรษ ได้ลุ้นเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีค่อนข้างมาก
กลุ่มโคราช-อีสานใต้ ของวิรัช ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะมีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐต่อจากนี้ ในการถูกผลักดันให้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่คุมภาคอีสาน ของพรรคในการเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าพรรคไม่แตกเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม หากดูจากจำนวนว่าที่ส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ของพลังประชารัฐ ก็พบว่ากลุ่มสามมิตร น่าจะมีอยู่ในสังกัด ประมาณคร่าวไม่ต่ำกว่า 40-50 คน แต่ในจำนวนดังกล่าว ก็จะมีแบ่งเป็นซับเซ็ตกลุ่มย่อยๆ อีกส่วนหนึ่ง คือไม่ถึงกับขั้นตรงกับกลุ่มสามมิตรโดยตรง แต่ก็พร้อมร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน
ขณะนี้มีข่าวว่า กลุ่มสามมิตร เวลานี้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว กับการดึงกลุ่มอื่นๆ ที่ยังไม่มีกลุ่มชัดเจนหรือมีแล้วแต่ยังไม่มีหัวขบวน หลังเลือกตั้ง ให้มาอยู่ในสังกัด เพื่อให้กลุ่มสามมิตร มีส.ส.ในสังกัดให้มากที่สุด ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์
เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง ภายในพรรคและภายในรัฐบาล หลังจากนี้
นอกจากนี้ในพรรคก็ยังมีอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มเพชรบูรณ์ของสันติ พร้อมพัฒน์ ทำผลงานเข้าเป้า ทำให้พลังประชารัฐ กวาดส.ส.ยกจังหวัด ได้มาห้าที่นั่ง อีกทั้งพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ที่ร่วมรับผิดชอบกับสมศักดิ์ เทพสุทิน ผลงานก็เข้าเป้าหลายดอก
เช่นที่พิจิตร ที่ชนะยกจังหวัด หรือนครสวรรค์ ที่ได้มาสี่จากหกที่นั่ง รวมถึงที่จังหวัดตาก ซึ่งมี สามเขตได้มาสองที่นั่ง ส่วน พิษณุโลก ก็ได้มาสองที่นั่ง
ส่งให้ชื่อของสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตรมว.คมนาคม ที่แยกตัวออกมาจากเสี่ยเพ้ง พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล และพรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่แบบได้ลุ้นไม่น้อยกว่าใคร
พรุ่งนี้มาว่ากันต่อ กับขุมกำลังในพรรคพลังประชารัฐ กับกลุ่มที่เป็นคลื่นลูกใหม่ไฟแรง หลายคนหวังจะขึ้นชั้นมาเป็นรัฐมนตรี ในคราวนี้ ซึ่งแต่ละคนแต่งตัวรอกันแล้ว