รัฐมนตรีการคลังฝรั่งเศสเตือน การประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองเป็นหายนะต่อเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เตรียมออกแถลงต่อประชาชนรอบใหม่ในวันจันทร์…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 9 ธ.ค. 2561 ว่า ฝรั่งเศสเผชิญการประท้วงช่วงสุดสัปดาห์ของกลุ่ม ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการขึ้นภาษีน้ำมัน ก่อนจะลามยังเรื่องค่าครองชีพสูง และปัญหาอื่นๆ จนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต้องออกมาเตือนว่า การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นหายนะต่อเศรษฐกิจของประเทศ
กลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองออกมาประท้วงครั้งล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้ชุมนุมออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนกว่า 125,000 คนทั่วประเทศ โดยกว่า 10,000 คนอยู่ในกรุงปารีส ซึ่งได้รับความเสียหายหนักกว่าที่อื่น รถยนต์ถูกเผาทำลายหลายคัน กระจกอาคารต่างๆ ถูกทุบจนแตก และมีการบุกปล้นร้านขายของภายในเมืองด้วย ทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ปราบจลาจล มีผู้ถูกจับกุมราว 1,200 คน
ขณะที่ นาย บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของฝรั่งเศสกล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายในกรุงปารีสว่า สถานการณ์การประท้วงที่เกิดขึ้นเป็นวิกฤติทั้งต่อสังคมและประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังเป็นหายนะสำหรับธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
ด้านประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ซึ่งผู้ประท้วงเรียกร้องให้ลาออก เตรียมออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องการประท้วงในเวลาประมาณ 20:00น. วันจันทร์ที่ 10 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น (ราว 2:00น. วันอังคารตามเวลาไทย) โดยในช่วงเช้าเขาจะประชุมกับสหภาพการค้าและผู้นำธุรกิจในประเทศ
ทั้งนี้ การประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในการประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองยังไม่อาจทำได้ แต่สหพันธ์ผู้ค้าปลีกแห่งฝรั่งเศสเปิดเผนกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ผู้ค้าปลีกเสียหายจากการประท้วงไปแล้วกว่า 1,000 ล้านยูโร นับตั้งแต่การชุมนุมเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 17 พ.ย.
ส่วนนาย ฟรองซัวส์ อัสเซลแลง ประธานสมาพันธ์ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เผยว่า สมาชิกของพวกเขาอาจเสียหายเพราะการประท้วงถึง 10,000 ล้านยูโร ขณะที่สำนักงานท่องเที่ยวกรุงปารีสเตือนก่อนหน้านี้ว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงด้วย