ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่กรณีที่นักแสดงหญิง "หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ" ได้โพสต์ข้อความทำนองเข้าใจว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจส่อเจตนาเรียกไถเงินหลังถูกอีกฝ่ายถ่วงเวลาถามโน่นนี่นั่นระหว่างเขียนใบสั่งให้ (อ่าน : "หนิง ปณิตา" โพสต์แรงเจอตำรวจปลาเน่ารอไถตังค์หลังขับรถผิดกฏจราจร)
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเรื่องขึ้นได้มีคำชี้แจงออกมาจากทางฝ่ายศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร - บก.02 ระบุว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานนั้นไม่ได้ต้องการเรียกเก็บเงินแต่อย่างใด แต่ที่เขียนใบสั่งไม่เสร็จก็เพราะไม่ทราบยี่ห้อรถจริงๆ
นอกจากนี้ยังพบว่านอกจากขับรถผิดกฏจราจรแล้วนักแสดงสาวยังมีความผิดอีก 3 ข้อหาด้วยกันคือ ไม่พกใบขับขี่, ขับรถที่ยังไม่ได้ต่อภาษี และทะเบียนไม่ตรงกับยี่ห้อรถ (อ่าน : คดีพลิก! “หนิง ปณิตา” โพสต์พาดพิงตำรวจปลาเน่ารอไถตังค์ เจอตรวจสอบที่แท้รถสวมทะเบียน??)
ทั้งนี้เจ้าหน้าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นักแสดงหญิงโพสต์ถึงนั้นก็คือ ส.ต.ท.ธีระพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจร วิภาวดีรังสิต กก.2 บก.จร. ซึ่งในเวลชาต่อมาเจ้าตัวก็ออกมาชี้แจงโดยยอมรับว่าตนไม่ทราบจริงๆ ว่ารถดังกล่าวยี่ห้ออะไร ทำให้ต้องเดินดู ก่อนระบุว่าใช้เวลาในการเขียนใบสั่งไม่ถึง 3 นาทีด้วยซ้ำ
โดยเจ้าตัวยังบอกด้วยว่าตนเองไม่ทราบเหมือนกันว่าอีกฝ่ายเป็นดารานักแสดง ไม่เช่นนั้นก็คงจะขอถ่ายภาพไปอวดภรรยาแล้ว
ทั้งนี้หลังเกิดเรื่องขึ้นชาวเน็ตเองก็ได้มีการขุดข่าวเก่าของนักแสดงสาวก็พบว่าที่ผ่านมาเธอเคยตกเป็นข่าวลักษณะนี่้มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในปี 2561 ที่เธออัดคลิปต่อว่าสายการบินดังเนื่องจากบริการไม่ดีเกือบทำตกเครื่อง รวมถึงช่วงสงกรานต์ในปีนี้ที่เธอไลฟ์สดโวยว่าโทรศัพท์พังเพราะน้ำกระเด็นใส่แถมถูกบริษัทแอปเปิ้ลคิดค่าเปลี่ยนเครื่องสองหมื่นกว่าบาท
ขณะที่เมื่อลองตรวจสอบเรื่องราวข่าวคราวเกี่ยวกับคือ ส.ต.ท.ธีระพงษ์ ขาบจันทึก คู่กรณีที่สาวหนิงเชื่อว่ามีเจตนาจะเรียกเงินจากเธอนั้นก็พบว่าที่ผ่านมาเจ้าตัวเคยตกเป็นข่าวในสังคมออนไลน์มาแล้ว 2 ครั้งคือปี 2560 กับการสั่งลงโทษนักเรียนที่ไม่สวมหมวกกันน๊อกด้วยการออกกำลังกาย รวมถึงเมื่อปี 2561 ในการช่วยลูกแมวที่ติดใต้ท้องรถบนถนนวิภาวดี-รังสิต ซึ่งทั้งสองข่าวนั้นเจ้าตัวได้รับเสียงชื่นชมมากมาย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางด้านของนักแสดงหญิงเองก็ออกมาขอโทษอีกฝ่ายแล้วโดยยอมรับผิดว่าคิดเร็วและ ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมากเกินไป (อ่าน : “หนิง” กลับลำอวยตำรวจทำสิ่งที่ถูกต้อง รับผิดคิดเร็ว ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมากเกินไป)
