โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ขึ้นเชียงใหม่รับลมหนาว นอนโรงแรมแบบเรียวกังสไตล์ล้านนา

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 15 พ.ย. 2562 เวลา 12.08 น. • เผยแพร่ 15 พ.ย. 2562 เวลา 12.08 น.
JF4A9883

ปฏิทิน 2562 เดินทางมาถึงสองเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เมืองไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการพอดี ตอนนี้ในกรุงเทพฯได้รับลมเย็นอยู่บ้างในช่วงเช้า ๆ แต่ภาพรวมทั้งวันก็ยังคงร้อนอยู่ แต่ที่สัญญาณชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นทางภาคเหนือตอนบนที่ตอนนี้อุณหภูมิค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ แล้ว

ในช่วงไฮซีซั่นแบบนี้หลายคนคงจะมีแพลนเที่ยวรับอากาศหนาวแบบฟิน ๆ อยู่ ซึ่งเร็ว ๆ นี้ทีมงาน “ดีไลฟ์-ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสไปเยือนโรงแรมเปิดใหม่ใกล้ตัวเมือง จ.เชียงใหม่ การันตีด้วยสาขาก่อนหน้าที่กรุงเทพฯมาแล้ว หลังจากเปิดสาขาที่กรุงเทพฯได้ครบ 1 ปี ทางผู้บริหารก็แพลนเปิดสาขาที่ 2 ทันที ซึ่งเป็นสาขาที่เราได้มาเยือนในวันนี้ “K Maison Lanna Boutique Hotel” โรงแรมสีขาวสบายตา ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาจับจองกันต่อเนื่อง วันนี้เราขอพาคุณผู้อ่านแวะเวียนเยี่ยมชมความสวยงามของโรงแรมใหม่แห่งนี้กันสักหน่อย

K Maison Lanna Boutique Hotel ตั้งอยู่ภายในซอยวัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้วจะพบกับเลานจ์ด้านหน้าชื่อว่า “ข้าวขาวเลานจ์” แบ่งออกเป็นสองส่วน โซน “ขาว” คือ ส่วนเคาน์เตอร์เช็กอินที่ถูกฉาบด้วยสีขาวทั้งหมด ซึ่งไอเดียตรงนี้ทางผู้บริหารโรงแรม “โบ๊ท-ปณิธิ กอบกุลสุวรรณ” ให้ข้อมูลว่า เขาต้องการให้ลูกค้าที่เข้ามาครั้งแรกรู้สึกผ่อนคลายคล้ายกับได้ “ล้างตา” ก่อน จากนั้นจึงเป็นโซน “ข้าว” บริเวณ living room ที่ถือเป็นไฮไลต์ของโรงแรมขนาด 140 ตารางวาแห่งนี้เลยก็ว่าได้

โบ๊ท-ปณิธิ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ด้วยความที่เนื้อที่โรงแรมค่อนข้างจำกัดเพราะตั้งอยู่ในเขต “resident area” หรือพื้นที่พักอาศัย จึงมีข้อจำกัดหลายอย่าง ทั้งความสูงของตึก และข้อบังคับเรื่องพื้นที่สีเขียวในบริเวณเดียวกัน เขาจึงนำไอเดียที่พักสไตล์เรียวกัง ประเทศญี่ปุ่น มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับล้านนาสไตล์ จากการเนรมิตพื้นที่สีเขียวด้วยการตัดแต่งต้นไม้แบบขั้นบันได โดยอิงตัวแบบจากไร่ชาขั้นบันได สัญลักษณ์ของภาคเหนือ ซึ่งนอกจากการไล่สเต็ปต้นไม้แบบนี้จะสะท้อนถึงวิถีท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยให้พื้นที่ดูโปร่ง-โล่งสบายมากขึ้นด้วย

ถัดจากโซน living room มาดูส่วนห้องพักกันบ้าง ห้องพักของที่นี่มีให้เลือก 5 แบบ ทุกห้องถูกดีไซน์ด้วยสีขาวเป็นหลักเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกโปร่งสบายมากที่สุด ไล่ไปตั้งแต่ห้องขนาดเล็กสุด “Classic Corner” และ “Classic Lanna” เหมาะกับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนโดยเฉพาะ เพราะสอง type room นี้ไม่มีโต๊ะทำงาน และเคาน์เตอร์บาร์ให้ ขยับขึ้นไปอีกหน่อยเป็น “Siam Deluxe” จัดวางเตียงไว้กลางห้องเพื่อให้มีเนื้อที่ใช้สอยมากที่สุด และยังมี bathtub หรืออ่างอาบน้ำให้บริการด้วย

ส่วนห้อง “Lanna Deluxe” หน้าตาคล้ายกับ “Siam Deluxe” แต่จะมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น บวกกับมี firepit หรือเตาผิงวางไว้กลางห้องนั่งเล่น สุดท้ายเป็นห้องขนาดใหญ่สุด “Lanna Duplex” ซึ่งผู้บริหารให้ข้อมูลว่า ดีไซน์ type room นี้จะดูแปลกตาไปจากห้องอื่น ๆ สักหน่อย อย่างการนำอ่างอาบน้ำมาวางไว้กลางห้อง และออกแบบตัวห้องเป็นสองชั้น ด้านล่างเป็นส่วน living room และด้านบนสำหรับนอนพักผ่อนโดยเฉพาะ

K Maison Lanna Boutique Hotel มีห้องพักทั้งหมด 19 ห้อง จากฟีดแบ็กที่ผ่านมา โบ๊ทบอกว่า มีลูกค้าทั้งไทย และต่างชาติแวะเวียนเข้ามาตลอด สัดส่วนราว ๆ 50 : 50 ต่างจาก K Maison ที่กรุงเทพฯที่มีลูกค้าต่างชาติราว 90%

เขายังบอกด้วยว่า K Maison ที่นี่เป็นการฉีกกฎจากโรงแรมสไตล์เดิม ๆ ที่เคยมีมาหลายอย่าง โจทย์สำหรับที่นี่ คือ ต้องเป็นโรงแรมขนาดเล็กเท่านั้น ไม่ใช่การมีพื้นที่โอ่โถงเหมือนกับโรงแรมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

“สำหรับผม คือ โรงแรมต้องเล็กเท่านั้น พอพื้นที่เล็กก็ทำให้สตาฟเราน้อยลงด้วย เขาจะสามารถ multitasking ได้ ส่วนตัวห้องนั้นการที่มันใหญ่มาก ๆ ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจริง ๆ คนที่มาพักผ่อนก็ต้องการหลัก ๆ คือ เตียงที่ดี ที่อาบน้ำต้องเปอร์เฟ็กต์แค่นั้น เราเลยเอา target แบบนี้แหละ space ไม่ได้ใหญ่มาก ฉะนั้นการดีไซน์จึงนำกระจกมาใช้เยอะมากตั้งแต่ fall to ceiling เลย เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่า พื้นที่มันบล็อกสายตา เข้ามาในห้องแล้วต้องให้ความรู้สึกโล่งที่สุด” ผู้บริหารอธิบายปิดท้าย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0