โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ขึงพืดชำแหละ “ตู่” คนเดียว 2 วัน ช่อเปิดซิงฉะนอกสภาฯ

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 24 ก.พ. 2563 เวลา 02.28 น. • เผยแพร่ 23 ก.พ. 2563 เวลา 22.35 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

 

ฝ่ายค้านจัดเต็มมหกรรมสหบาทารุมยำนายกฯ “สุทิน” เผยจับผู้นำขึงพืดถล่มเดี่ยว 2 วันแรก ตั้งแต่บ่าย 24 ถึงบ่าย 26 ก.พ. สั่งขุนพลชำแหละโหดทุกเม็ดทุกดอก “อนุดิษฐ์” ปูด รมต.ผวาหนักขู่แฉกันเอง-เชือดปมที่ดินถ้าไม่ยกมือให้ วิปรัฐบาลจัด 30 ส.ส.ทีมประท้วง “บิ๊กป้อม” ซีเรียสไล่จี้พรรคร่วมฯให้คำมั่นไม่แตกแถว ฮึ่มเสียงโหวต รมต.ต้องเท่ากัน “วิรัช” โอ่อย่าห่วงเรื่องอารมณ์ ให้คอยดูลุคใหม่ “บิ๊กตู่” ปชป.ยักท่าขอฟังชี้แจงก่อนลงมติ ซูเปอร์โพลมั่นใจ 3 ป.ผ่านได้ จับตาศึกในหนักกว่าศึกนอก “ดุสิตโพล” เผยชาวบ้านสิ้นหวังรบ.แก้เศรษฐกิจ ต้องพึ่งตัวเอง กต.แถลงการณ์โต้ต่างชาติเคารพอธิปไตยไทย “เรืองไกร” ฟ้องมะกันศาลรัฐธรรมนูญไร้ ก.ม.จัดตั้ง “ช่อ” จ้อนอกสภาฯโยง รบ.เอี่ยวคดีฟอกเงินฉาวในมาเลย์

พรรคฝ่ายค้านจัดทีมขุนพลเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามกลยุทธ์พุ่งเป้าอภิปรายถล่มหนักไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมคนเดียวถึง 2 วันเต็มตั้งแต่บ่ายวันที่ 24 ถึงบ่าย 26 ก.พ. ส่วนเวลาที่เหลือค่อยอภิปราย 5 รัฐมนตรี

“ชวน” เช็กสภาฯ พร้อมเปิดศึกซักฟอก

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ก.พ.ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประชุมร่วมกับนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมสภาฯ เพื่อเตรียมความพร้อมการประชุมพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล นายชวนกล่าวว่า ได้ประชุมเตรียมการทั้งสถานที่และเครื่องมือ เพื่อตรวจสอบว่าอะไรไม่พร้อมบ้าง ส่วนปัญหาเครื่องลงคะแนน จริงๆ แล้วเครื่องลงมติไม่มีปัญหา มีปัญหาเฉพาะกรณีการลงคะแนนแทนกัน

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ก.พ.มีการทดสอบเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ ยืนยันว่าใช้งานได้ตามปกติ แต่แม้จำนวน ส.ส.จะลดลงจากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่เครื่องลงคะแนนยังไม่พออยู่ดี จึงต้องเผื่อเวลาให้สมาชิกผลัดกันใช้เครื่องลงคะแนน ระยะนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเปิดใช้ห้องประชุมใหม่เดือน พ.ค. การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องปกติของการตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ เป็นมาตรการการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่เข้มข้นที่สุด จะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้อภิปรายและชี้แจง องค์ประชุมสัดส่วนจะเปลี่ยนแปลงไป กรณียุบพรรคบัญชีรายชื่อ คงไม่สามารถเลื่อนขึ้นมาทดแทนกรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.ได้ กรรมาธิการก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป

ฝ่ายค้านขึงพืด “บิ๊กตู่” ถล่มยับ 2 วัน

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรีในวันที่ 24 ก.พ.ว่าวิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลตกลงกรอบเวลาอภิปรายตั้งแต่วันที่ 24-27 ก.พ.ลงมติวันที่ 28 ก.พ. รัฐมนตรีและรัฐบาลได้เวลา 10 ชั่วโมงรวมเวลาประท้วง ที่เหลือเป็นของฝ่ายค้านเพื่อให้ได้อภิปรายเต็มที่ แต่ละคนได้เวลาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระ ผู้อภิปรายที่ได้เวลาสูงสุดคือ 1.30-2 ชั่วโมง อาทิ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ครั้งนี้จะพุ่งเป้าตรงไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เพื่อชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในการบริหารประเทศในหลายเรื่อง จะถูกอภิปรายคนเดียวนานถึง 2 วัน ตั้งแต่เวลา 13.00 น.วันที่ 24 ก.พ.ไปจนถึงเวลา 13.00 น. วันที่ 26 ก.พ. ส่วนครึ่งวันหลังของวันที่ 26 ก.พ.ไปจนถึงวันที่ 27 ก.พ.จะอภิปราย 5 รัฐมนตรีที่เหลือ

จัดเต็มมหกรรมรุมสหบาทา

นายสุทินกล่าวว่า ส่วนการอภิปรายนายกรัฐมนตรี ผู้อภิปรายจะเป็น ส.ส.จากทุกพรรคฝ่ายค้านช่วยกันรุมสหบาทานายกฯ ขณะที่การอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ จะเป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักของพรรคอนาคตใหม่ มีพรรคเพื่อไทยคอยอภิปรายสนับสนุน ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นหน้าที่รับผิดชอบหลักของพรรคเพื่อไทย ในส่วนกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิการเลือกตั้ง จนไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทราบว่าได้มอบหมายไปให้ ส.ส.อนาคตใหม่คนอื่นๆที่อภิปรายในประเด็นนั้นๆอภิปรายแทน โดยให้อภิปรายเพิ่มเติมประเด็นแทนผู้ถูกตัดสิทธิ ขณะนี้ฝ่ายค้านมีความพร้อมอภิปราย 100% แล้ว

วางขุนพลชำแหละนายกฯทุกเรื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดวิปฝ่ายค้านได้วางตัว ขุนพลหลักที่จะทำหน้าที่อภิปรายในประเด็นต่างๆ เรียบร้อยแล้ว โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านเปิดหัวเป็นคนแรก ขณะที่ตัวผู้อภิปรายคนอื่นๆ อาทิ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย จะอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประเด็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนให้บริษัทเอกชนได้เช่าพื้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นานถึง 50 ปี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา อภิปรายนายกฯประเด็นไม่ยอมย้ายออกจากบ้านพักนายทหารหลังเกษียณอายุราชการ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายนายกฯ ประเด็นความล้มเหลวการแก้ปัญหายาเสพติด นายชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ ส.ส.อุบลราชธานี อภิปรายนายกฯเรื่องราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายนายกฯเรื่องความล้มเหลวการแก้ปัญหาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. อภิปราย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กรณีปล่อยให้มีการทุจริตโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ

บลัฟผวาหนัก รมต.ข่มขู่กันเอง

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง แม้รัฐบาลจะตั้งวอร์รูมนอกสภาฯ หรือมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ตัดหน้าการอภิปราย แต่จัดผู้อภิปรายมาทำหน้าที่ได้ไม่ต่างจากแกนนำคนสำคัญที่ถูกตัดสิทธิไป ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายครั้งแรกในรอบ 6 ปีของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ให้ดี ฝ่ายค้านมีข้อมูลทีเด็ดหลายเรื่อง แม้รัฐบาลอาจเก็งข้อสอบถูกบ้าง แต่ด้วยข้อหาความผิดมากมาย เชื่อว่าคนที่ถูกอภิปรายเองคงคาดไม่ถึงว่าฝ่ายค้านนำข้อมูลลับออกมาได้อย่างไร วันนี้มีสภาฯแล้ว ฝ่ายค้านจะไม่ยอมให้รัฐบาลทำอะไรตามอำเภอใจต่อไป รัฐบาลคงรู้ดีว่ารัฐมนตรีไม่สามารถตอบได้ทุกเรื่อง จึงคิดเกมปั่นป่วนทั้งในและนอกสภาฯเบี่ยงเบนประเด็น สะท้อนให้เห็นความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด การไม่ยอมรับการตรวจสอบในระบบรัฐสภา รัฐบาลกลัวถึงขนาดมีกระแสข่าวการข่มขู่กันเองว่า หากได้รับเสียงโหวตไม่เท่าคนอื่นจะนำเรื่องทุจริตของรัฐมนตรีอีกฝ่ายมาแฉ หรือจัดการเรื่องครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้องหากไม่โหวตให้ เข้าข่ายแบล็กเมล์ชัดเจน

โอ่ฉีกหน้ากากวิญญูชนจอมปลอม

น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวต่ออีกว่า ฝ่ายค้านจะอภิปรายแบบมียุทธศาสตร์เชื่อมโยงเรื่องราวด้วยพยานหลักฐานที่อ้างอิงได้ เมื่อประชาชนได้รู้ความจริงสิ่งที่ถูกปกปิดไว้จะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้อยู่ต่อแน่นอน แม้จะมีเสียงข้างมากในสภา คงไม่สามารถสู้เสียงประชาชนที่นับวันเบื่อหน่าย สิ้นหวังกับรัฐบาลชุดนี้ที่แก้เศรษฐกิจไม่ได้ เก่งแต่การแจกเงินเล็กๆ น้อยๆ กับการพูดไปเรื่อยเปื่อย หาสาระอะไรไม่ได้ ยิ่งโพลสวนดุสิตสะท้อนว่าตอนนี้คนไทยมาถึงจุดที่ต้องพึ่งตัวเอง ไม่สามารถพึ่งหวังรัฐบาลได้ เป็นสัญญาณอันตรายของรัฐบาล ยิ่งมีการยุบพรรคการเมืองโดยเหตุผลที่ค้านความรู้สึกของคนทั่วไป ทำให้คนส่วนใหญ่จะไม่ทนกับรัฐบาลนี้อีกต่อไป เมื่อมาประกอบกับการอภิปรายที่เปรียบเสมือนการกระชากหน้ากากของวิญญูชนจอมปลอมให้สังคมได้เห็น เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่นานแน่นอน

ปากกล้า ขาสั่นร้อนรนตั้งทีมโต้

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลตั้งคณะทำงานเพื่อตอบโต้และหักล้างการอภิปรายของฝ่ายค้าน แก้ต่างให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ 5 รัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ถือเป็นเรื่องน่าละอาย ทั้งที่การตรวจสอบการทำงานรัฐบาลของฝ่ายค้าน เป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญในระบบรัฐสภาเท่าที่เห็นรายชื่อคณะทำงานตอบโต้ของฝ่ายรัฐบาลแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ เพียงใช้สำนวนโวหาร ปั้นน้ำเป็นตัว แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมปากกล้าขาสั่น ต้องการปกปิดความผิดพลาดการบริหารประเทศของตัวเอง น่าละอายมาก ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ จะได้รับรู้ ความจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่เคยทำอะไรผิด และไม่หวังผลประโยชน์อื่น จะเป็นจริงตามที่พูดหรือไม่ ฝ่ายค้านจะเปิดเผยความจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ ปกปิดไว้ทั้งหมด

สภาฯ ไม่ใช่ค่ายทหารอย่ามาโวยวาย

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศต่อเนื่อง 6 ปี ประชาชนลำบาก ค้าขายฝืดเคือง เศรษฐกิจพังพินาศ โรงงานปิดกิจการนับพันแห่ง คนตกงานนับล้านคน กระทบเศรษฐกิจครัวเรือน เกิดปรากฏการณ์คนฆ่าตัวตายรายวัน คือผลจากการบริหารราชการที่ไร้ความสามารถของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขอเตือนว่ารัฐบาลจะอยู่ลำบากขึ้นเรื่อยๆ เพราะประชาชนทุกข์ยากหมดศรัทธา ไม่เหลือความหวังกับ พล.อ.ประยุทธ์อีกต่อไป ฝ่ายค้านจะเน้นการอภิปรายให้ตรงปัญหา ชี้ให้เห็นว่านโยบายรัฐบาลไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งสติให้ดี อย่าใช้อารมณ์ชี้แจง อย่าเอานิสัยโวยวายมาใช้ในสภา เพราะรัฐสภาไม่ใช่ค่ายทหาร

ระดม 30 ส.ส.ร่วมทีมประท้วง

สำหรับการสัมมนาเตรียมพร้อมรับศึกซักฟอกของฝ่ายรัฐบาล ที่โรงแรมเวย์ โฮเทล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี วันสุดท้าย เมื่อเวลา 10.30 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล เป็นประธานการประชุมกำหนดกลยุทธ์และวางตัว แบ่งประเด็นตามที่กำกับดูแลแต่ละกระทรวง เพื่อช่วยชี้แจงกรณีถูกพาดพิง โดยจัด ส.ส. 30 คนไว้คอยประท้วง ให้นั่งอยู่ด้านหน้า แต่ต้องได้รับอนุญาตจากนายวิรัช นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย รองประธานวิปรัฐบาล เบื้องต้นทีมประท้วงพรรคประชาพลังประชารัฐ ได้แก่ นายไพบูลย์ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายนิโรธ สุนธรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ตัวแทนพรรคเล็ก

“ป้อม” จี้พรรคร่วมให้คำมั่นไม่แตกแถว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวงสัมมนา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้กำชับการประท้วงไม่อยากให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไปประท้วงผู้อภิปราย แต่ให้ประท้วงประธานที่ประชุมขอให้เคร่งครัดข้อบังคับการประชุม ไม่อยากให้ประชาชนมองเราว่าเล่นลิเกกัน ไม่ชอบเลย ที่สำคัญ พล.อ.ประวิตรยังขอให้ทุกคนโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เท่ากัน ไม่ต้องให้ใครมากกว่าใครเป็นพิเศษ จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้ไล่สอบถามตัวแทนแต่ละพรรคขอคำยืนยัน อาทิ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าทั้งหมดโหวตตามมติพรรคไม่มีใครแตกแถว นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ยืนยันว่าหัวหน้าพรรคและเลขาธิการฝากมายืนยันว่าภูมิใจไทยโหวตให้เหมือนกันหมด 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงพรรคชาติไทยพัฒนา พลังท้องถิ่นไทและพรรคเล็ก ต่างยืนยันโหวตเหมือนกันหมด

เช็กมือฝั่งรัฐบาล 263 ค้าน 244 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงสัมมนาสรุปเสียง ส.ส.ในสภาฯ เหลือ 487 เสียงจากเดิม 498 เสียงเป็น ส.ส. รัฐบาล 263 เสียง จากพรรคพลังประชารัฐ 117 เสียง ประชาธิปัตย์ 52 เสียง ภูมิใจไทย 52 เสียง ชาติไทยพัฒนา 11 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 พลังท้องถิ่นไท 5 ชาติพัฒนา 3 รักษ์ผืนป่าประเทศ ไทย 2 เสียง พรรคเล็กอีก 11 เสียง รวมถึงพรรคเศรษฐกิจใหม่ 5 เสียง ฝ่ายค้านเหลือ 224 เสียง คือพรรคเพื่อไทย 135 เสียง อดีตพรรคอนาคตใหม่ 65 เสียง เสรีรวมไทย 10 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง พลังปวงชนชาวไทย 1 เสียง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่อีก 1 เสียง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ แต่เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส.ยังคงอยู่ การโหวตครั้งนี้จึงไม่ต้องยึดมติพรรค มีรายงานว่าอาจมี ส.ส.บางส่วนมายกมือสนับสนุนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายด้วย

พี่ใหญ่กำชับคะแนน รมต.ต้องเท่ากัน

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวสรุปผลการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ซักถามรัฐมนตรีอย่างกว้างขวางในประเด็นที่คาดว่าจะถูกอภิปราย จะนำข้อสรุปไปหารือกับประธานสภาฯ และวิป 3 ฝ่ายในวันที่ 24 ก.พ. กำหนดเวลาแต่ละวัน จะให้ตอบชี้แจงรวม 2-3 คน หรือตอบเลยทีละคน จากนั้นจะแจ้งต่อพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธ์ศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้มาร่วมสัมมนากำชับทุกพรรคว่าการโหวตของทุกพรรค ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันและคะแนนโหวตขอให้เท่ากันทุกคน

ให้รอดูลุคใหม่ “บิ๊กตู่” คุมอารมณ์

นายวิรัชกล่าวว่า เราจะไม่ประมาท เป็นห่วง ทุกคนเท่ากัน แต่อาจดูของนายกฯมากและละเอียดหน่อย เพราะถูกกล่าวหามากสุด 28 บรรทัด 35 ข้อกล่าวหา ขณะที่รัฐมนตรีรวมกัน 28 บรรทัด ร.อ.ธรรมนัสถูกกล่าวหา 4 บรรทัด หากตัดชื่อตำแหน่งเหลือ 3 บรรทัด เรื่องอารมณ์ของนายกฯ ขอให้รอดูลุคใหม่ คาดว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายเกี่ยวกับอดีตมากกว่าปัจจุบัน ยกเว้นกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ถ้าย้อนหลังเรื่องอดีต 20 เปอร์เซ็นต์คงพอรับได้ แต่ถ้า 50 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ จะอภิปรายเรื่องอื่นต้องเปลี่ยนญัตติใหม่ จะใช้ญัตตินี้ไม่ได้ อยากให้อภิปรายเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากที่ได้รับโปรดเกล้าฯ คงไม่ประท้วง หากย้อนอดีตจะปรึกษาประธานสภาฯ ว่าจะให้พวกตนปฏิบัติตัวอย่างไร ฉะนั้นอย่าไปย้อนอดีตเลย ขอให้เอาปัจจุบันของรัฐบาลนี้ ส่วนพรรคเล็กระบุว่าจะขอฟังข้อมูลฝ่ายค้านก่อนก็ไม่เป็นไร ยังมีเวลาปรับความเข้าใจกันกว่าจะถึงวันโหวต

สั่งเข้ม ส.ส.ห้ามเจ็บ-ป่วย-ลา

นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้กำชับ ส.ส.ในพรรคห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามลา มั่นใจว่า ส.ส.พรรคอยู่ครบแน่นอน ทุกคนรู้หน้าที่ มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว ได้ขอความร่วมมือฝ่ายค้านไปแล้วให้อภิปรายอยู่ภายใต้กรอบ อาจนอกประเด็นได้บ้าง แต่ถ้าเลยเถิดไปมากต้องใช้ข้อบังคับให้การอภิปรายอยู่ในกรอบกติกา แกนนำฝ่ายค้านได้รับปากและได้กำชับต่อไปยังผู้ที่จะอภิปรายแล้ว สำหรับเสียงโหวตลงมติ พล.อ.ประวิตรระบุชัดเจนแล้ว เราเป็นพรรคร่วมด้วยกัน ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกเราก็คือรัฐบาล จะไม่มีการแบ่งแยก แต่ยอมรับว่า การที่รัฐมนตรีแต่ละคนจะได้เสียงโหวตเท่ากันนั้นเป็นไปได้ยาก คะแนนเสียงอาจห่างกันเล็กน้อย ไม่เกิน 5-6 เสียง ไม่ถึงขั้นเป็นหลักสิบ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มั่นใจว่าจะได้คะแนนครบทุกเสียง เช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร

“เอ๋” ขู่ขย่มนอกสภาฯ จะโดนคดีอาญา

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะดูว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะสร้างสรรค์หรือไม่ หรือจะอภิปรายแบบแถๆ แล้วนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาอภิปรายแบบในอดีตหรือไม่ การอภิปรายมีข้อจำกัดเรื่องเวลา บางครั้งอาจต้องไปนอกสภาฯ กันบ้าง ขอฝากไว้ด้วยว่าการอภิปรายนอกสภาฯ ไม่มีอะไรคุ้มครอง เดี๋ยวก็โดนคดีอาญาเพิ่ม ฉะนั้นต้องอภิปรายข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เพราะไม่มีอะไรคุ้มครองแล้ว เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นผู้ฟ้องร้องคดีอาญาเองใช่หรือไม่ น.ส.ปารีณากล่าวว่า ต้องดูเนื้อหาที่อภิปรายว่าผู้ใดเป็นผู้เสียหาย เพราะในพรรคพลังประชารัฐ นายทศพล เพ็งส้ม หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรค จะจับตาดูอยู่

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มี ส.ส.ฝ่ายค้านบางคน ที่คิดว่าจะมาอภิปรายเท็จ ขอเตือนไว้ก่อนว่าบางเรื่องที่ขู่อภิปราย ที่ผ่านมามีคนให้อภัยโดยไม่ต้องติดคุกมาแล้ว เพราะได้ขอขมาอดีตรัฐมนตรีมาหลายครั้งหลายคราว ทราบว่าครั้งนี้บอกว่าจะไม่ให้อภัยแล้ว จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด ประชาชนคงผิดหวังแน่ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ประชาชนไปเปิดดูละครดีกว่า

“ชินวรณ์” จ่อขอมติ ปชป.ยึดเอกภาพ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางที่ได้จะนำไปแจ้งที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยขอให้พรรคร่วมรัฐบาลโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะถือเป็นปกติที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมสนับสนุนเพื่อความมีเอกภาพของรัฐบาล โดยจะให้เป็นมติพรรคเพื่อให้เป็นทิศทางเดียวกัน ภายใต้ความเชื่อร่วมกันว่ารัฐมนตรีสามารถชี้แจงทุกคำถาม และญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถือว่าสำคัญที่สุดในสภาฯ ถ้าไม่ลงคะแนนให้เท่ากับประหารชีวิตคนอื่น แม้เสียงจะผ่านสภาฯตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาฯ ดังนั้นโดยหลัก ดังนั้นไม่ลงคะแนนให้ถือว่าต้องเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคน ของแต่ละพรรคไป และพรรคประชาธิปัตย์มีบทลงโทษเป็นกฎทั่วไปอยู่แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีวินัย เชื่อทุกคนทำตามมติพรรค

“องอาจ” ยักท่าขอฟังก่อนชูมือลงมติ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคนัด ส.ส.ประชุมวันที่ 24 ก.พ.เวลา 10.30 น. ที่พรรคซักซ้อมความเข้าใจในการประชุมสภาฯ เชื่อว่าฝ่ายค้านคงเตรียมข้อมูลพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายมากกว่า สำหรับการลงมติว่าจะไว้วางใจหรือไม่ โดยทั่วไปในฐานะที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็สนับสนุนการทำงานของรัฐบาล แต่สำหรับการลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เราคงจะนำข้อมูลเนื้อหาสาระการอภิปรายของฝ่ายค้านและคำชี้แจงของรัฐมนตรีมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจว่าจะลงมติอย่างไร โดยจะนัดประชุม ส.ส.พรรคก่อนการลงมติเพื่อพิจารณาร่วมกันว่าจะลงมติอย่างไรต่อไป ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่เห็นใจ นักการเมืองในพรรคอนาคตใหม่คงต้องปรับตัวมุ่งมั่นทำงานตามอุดมการณ์และความตั้งใจต่อไป

มั่นใจ 3 ป.ผ่านได้แต่ศึกในหนักกว่า

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซุปเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง อภิปรายไม่ไว้วางใจ จาก 29,918 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 19-22 ก.พ.พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.2 รู้สึกน่าเบื่อ เซ็งการเมือง มีแต่วุ่นวาย ขัดแย้ง แย่งชิงไม่อยากรับรู้ข่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะที่ร้อยละ 35.8 รู้สึกน่าสนใจ น่าติดตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.4 อยากฟังเรื่องแก้ความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 28.6 อยากฟังเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจมากกว่า โดยร้อยละ 62.3 เชื่อมั่นว่า 3 ป. รับมือผ่านไปได้ ร้อยละ 37.7 ไม่เชื่อมั่น ทั้งนี้ ร้อยละ 66.9 ระบุศึกภายในรัฐบาลเป็นภัยมากกว่าศึกนอกจากการซักฟอกรัฐบาล ร้อยละ 33.1 ศึกภายนอกเป็นภัยมากกว่า นอกจากนี้ ผลสำรวจเสียงประชาชนในโลกโซเชียล ผ่านระบบ Net Super Poll คนในโลกโซเชียลสนใจติดตามข่าวปัญหาฝุ่น PM 2.5 มากกว่าข่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจกว่า 3 เท่า คือ 36,822,410 คน กับ 11,568,291 คน ซึ่งร้อยละ 64.8 ตอบรับเชิงลบ ร้อยละ 35.2 ตอบรับเชิงบวก

สิ้นหวัง รบ.แก้ ศก.ต้องพึ่งตัวเอง

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความกดดัน” และ “ทางออก” ของประชาชน ณ วันนี้ จาก 1,161 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-22 ก.พ.พบว่า ความกดดันสูงสุด คือค่าครองชีพสูง สินค้าแพง ไม่มีเงินใช้จ่าย ร้อยละ 63.97 ต้องพึ่งตัวเอง ร้อยละ 55.91 พึ่งรัฐบาลร้อยละ 24.02 สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ การค้าการลงทุนหยุดชะงัก ร้อยละ 30.73 ต้องพึ่งตัวเอง ร้อยละ 62.50 นายกฯ ร้อยละ 21.88 รัฐบาล 15.62 ปิดกิจการ ตกงาน ว่างงาน ไม่มีงานทำ ร้อยละ 26.82 ต้องพึ่งตัวเอง ร้อยละ 44.87 รัฐบาล ร้อยละ 29.49 ส่วนความกดดันทาง “การเมือง” การบริหารบ้านเมือง การดำเนินงานของรัฐบาลล่าช้า ร้อยละ 48.11 ความขัดแย้งแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ร้อยละ 31.82 เห็นแก่ผลประโยชน์ ทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 25.38

ภาคี ปชต.เสนอแก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องราณี โรงแรมรัตนโกสินทร์ ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย จัดเวทีสาธารณะ “ข้อเสนอประชาชน ต่อกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทางออกประเทศไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 29 ปี รัฐประหาร รสช. 2534 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีออกแบบโดยกลุ่มคณาธิปไตยใช้สืบทอดอำนาจคณะบุคคล นำไปสู่วิกฤติการเมืองไม่จบสิ้นหากไม่แก้ไข จึงขอเสนอ กมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์วิธีการแก้ไข รธน.ต้องแก้ ม.256 ให้มีการตั้ง ส.ส.ร.จากการเลือกตั้ง ยกเลิกบทเฉพาะกาลสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารทั้งหมด รวมถึงการบัญญัติให้นายกฯมาจากการโหวตร่วมของรัฐสภา ควรยกเลิก ส.ว.แล้วให้ส.ส.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ กลับมาใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเหมือนเดิม ยกเลิกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น

จวกรัฐไม่จริงใจแก้ปัญหาเด็กและสตรี

ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา ถนนราชดำเนิน กลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จัดเสวนาในวาระวันสตรีสากล 8 มี.ค.เพื่อติดตามนโยบายรัฐบาลและพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเด็กและสตรี โดย น.ส.ธนพร วิจันทร์ ประธานกลุ่มบูรณาการแรงงานสตรี กล่าวว่า ก่อนเลือกตั้งหลายพรรคนำข้อเรียกร้องกลุ่มแรงงานสตรีไปหาเสียง แต่หลังได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ดำเนินการตามที่พูดไว้ รัฐบาลทุกยุคสมัยไม่จริงใจแก้ปัญหา จึงขอเรียกร้องรัฐบาล 11 ข้อ อาทิ ต้องบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองความเป็นมารดาให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยสิทธิการคุ้มครองความเป็นมารดา จัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนอย่างทั่วถึง กำหนดความเสมอภาคหญิงชายและทุกเพศสภาพให้เป็นวาระแห่งชาติ และให้วันสตรีสากล 8 มี.ค. เป็นวันหยุดตามประเพณี

กต.เรียกร้องต่างชาติเคารพ ก.ม.ไทย

วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ ออกถ้อยแถลงกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า 1.ประเทศไทยรับทราบความสนใจของบางประเทศต่อกรณีคดีความ ซึ่งนำไปสู่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 2.คำวินิจฉัยเป็นไปตามกระบวนการในรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยปราศจากอคติต่อการกระทำหรือผู้กระทำที่เกี่ยวข้อง ควรคำนึงด้วยว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านการทำประชามติ โดยได้นำหลักกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาประกอบเป็นแนวทางให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่เข้าร่วมการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมาใช้ 3.ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างค่านิยมของประชาธิปไตยและการเมืองพหุนิยม พร้อมเชื่อว่าโดยเคารพอธิปไตยของประเทศไทย มิตรประเทศจะสนับสนุนประเทศไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุดของประเทศเหมือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่ประเทศไทยให้การปฏิบัติต่อสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ

ระบุชาวบ้านเบื่อ รบ.ถึงจุดสุกงอม

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นผลพวงหนึ่งภายหลังการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สังคมทั้งไทยและต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป เห็นว่าขัดกับหลักประชาธิปไตย ซ้ำเติมสถานการณ์ภายในประเทศให้เบื่อหน่ายรัฐบาลมากขึ้นถึงขั้นสุกงอม มีแต่สถานการณ์จะเลวร้ายลง หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะมีข้อมูลความล้มเหลวและการทุจริตเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างแพร่หลาย สถานการณ์จะสุกงอม ประชาชนถึงขั้นเบื่อรัฐบาลชุดนี้แล้ว อาจเปรียบได้ว่ามะม่วงสุกแล้ว เพียงลมจากปากประชาชนก็สั่นคลอนจนมะม่วงหลุดจากขั้วร่วงลงสู่พื้นดินได้

ฟ้องมะกันยังไม่มี ก.ม.ตั้งศาล รธน.

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ อาจนำไปสู่การลิดรอนสิทธิผู้ลงคะแนนเสียงกว่า 6 ล้านคนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ จึงทำหนังสือถึงนายไมเคิล จี ดีซอมบรี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย เพื่อประกอบการพิจารณา ให้ข้อมูลว่าศาลรัฐธรรมนูญไทยยังไม่มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะ ทั้งที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะอย่างชัดเจน ได้ส่งหลักฐานเป็นสำเนาหนังสือสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยเสนอให้ ครม.ยุค คสช.ตรา พ.ร.บ.จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญและวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ต่อมาได้ขอถอนร่าง พ.ร.บ.กลับไป ถึงบัดนี้ยังไม่มี พ.ร.บ.จัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญบังคับใช้ ทำให้มีปัญหาว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจใดสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งคำวินิจฉัยต่างๆในอดีตจะเป็นโมฆะหรือไม่ ศาลยุติธรรม ศาลทหาร ศาลปกครองต่างมีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะ ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่มี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ชนิดคอขาดบาดตาย หากไม่มีกฎหมายจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจที่ผ่านมาอาจก่อให้เกิดผลเสียหายมานานหลายปี เช่น ยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ไทยรักษาชาติ อนาคตใหม่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ใครจะรับผิดชอบ

“ช่อ” โยง รบ.ตู่อาจเอี่ยวคดีฉาวมาเลย์

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ธนบุรี น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เปิดการอภิปรายนอกสภาฯหัวข้อ “รัฐบาลประยุทธ์กับการทุจริตที่อื้อฉาวไปทั้งโลก 1 MDB” (1 Malaysia Development Berhad) หรือกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ มาร่วมรับฟัง โดย น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า เป็นเวลา 6 ปีที่เรื่องสกปรกทั้งหมดถูกซุกไว้ใต้พรม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย ปกปิดข้อเท็จจริงจากการรับรู้ของคนไทย นำคนบริสุทธิ์เข้าคุก ให้ที่พักพิงแก่ผู้มีหมายจับหลายประเทศ บ่อนทำลายความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรไทย

ปกปิดฟอกเงินของประเทศเพื่อนบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.พรรณิการ์ อ้างถึงการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ช่วงหลังปฏิวัติได้ให้การช่วยเหลือการปกปิดข้อมูลที่สำคัญของรัฐบาลมาเลเซีย ที่ก่อ 1 MDB และก่อหนี้จำนวนมหาศาล ทำให้เกิดการตรวจสอบภายในมาเลเซีย จนกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯค้นพบว่าเงินประมาณ 1.4 แสนล้านบาทถูกสูบเข้าสู่ผู้มีอิทธิพล และยังมีเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาทเข้าสู่เจ้าหน้าที่รัฐมาเลเซียหมายเลขหนึ่ง เงินที่ถูกยักยอกและไซฟ่อนได้เข้าสู่บุคคลใกล้ชิดนายนาจิบ หลายคนถูกออกหมายแดงโดยตำรวจสากล แต่ทางการไทยยังให้ผู้มีหมายจับเข้าออกโดยไม่ขัดขวางการเข้าเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนักนายกฯ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงต่างประเทศ บุคคลที่มีอำนาจสั่งข้ามหลายกระทรวงได้จะเป็นใครไปได้ กังวลว่าไทยกำลังถูกโกงและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปกปิดข้อเท็จจริงอาชญากรรมทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและขัดขวางกระบวนการยุติธรรม

รัฐบาลจ่อดำเนินคดี “ช่อ” ให้ร้าย

เมื่อเวลา 21.15 น. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ แถลงระบุรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว. กลาโหม อาจมีส่วนเกี่ยวข้องคดีทุจริต 1 MDB ว่า ยืนยันไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาให้ร้าย ทำให้สังคมสับสน ขณะนี้หน่วยงานที่ถูกกล่าวหากำลังจะดำเนินคดีทางกฎหมาย หลังจากนี้จะประสานกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงอย่างเป็นทางการต่อไป

หวัง 65 ส.ส.กอดคอไปด้วยกัน

น.ส.พรรณิการ์ ให้สัมภาษณ์ถึง ส.ส. 65 คนหลังพรรคถูกยุบว่า เราได้พูดกันมาหลายครั้งแล้วว่าเราหวังว่าผู้แทนราษฎรของเราจะยังเดินไปเป็นกลุ่มก้อนอุดมการณ์เดียวกัน ได้แต่เชื่อมั่นและหวังว่าพวกเขาจะเดินไปร่วมกัน เรื่องไปอยู่พรรคไหนต้องไปถามแต่ละคน การทำงานของคณะอนาคตใหม่ไม่ได้ต้องการแค่ชนะเลือกตั้ง แต่ต้องการปักธงทางความคิดด้วย การรณรงค์เพื่อให้นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ยังคงดำเนินการต่อไป รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นจะผลักดันต่อไป ส่วนการรวมตัวลงถนนนั้น เวลาที่พูดว่าจะลงถนนหรือไม่ก็ไม่อยากให้คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้าย หรือจะเป็นเรื่องป่วนเมือง ที่ผ่านมาการชุมนุมหลายครั้ง ก็สงบเรียบร้อยไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับสังคมโดยรวม ตราบใดที่ยังอยู่ในขอบเขตกฎหมายประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพใช้สิทธิในฐานะพลเมือง

ลต.ซ่อมกำแพงเพชรหงอยคนบางตา

ที่ จ.กำแพงเพชร ช่วงเช้านายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ลงพื้นที่สังเกตการณ์ลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กำแพงเพชร ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 อาคารอเนกประสงค์โรงเรียนบ้านพรานกระต่าย (ฝั่งตะวันตก) ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย มีประชาชนมารอลงคะแนนบางตา นายอิทธิพรกล่าวว่า ทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบรายงานว่ามีเหตุผิดปกติ หน่วยเลือกตั้งมีทั้งหมด 296 หน่วย ทั้งนี้ประชาชนมาใช้สิทธิบางตา โดยเฉพาะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 2 ในโรงเรียนบ้านพรานกระต่าย ที่ประธาน กกต.มาสังเกตการณ์ เปิดหีบบัตรเลือกตั้งปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิ 617 คน แต่มาใช้สิทธิเพียง 365 คน คิดเป็น 58.99 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขณะที่หน่วยเลือกตั้งที่ 9 ต.วังควง อ.พรานกระต่าย ผู้สมัครหมายเลข 1 นายเพชรภูมิ อาภรรัตน์ พรรคพลังประชารัฐ ได้มาลงคะแนนเสียง โดยมีญาติและทีมงานมาให้กำลังใจ บัตรเลือกตั้งปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 617 คน แต่มาใช้สิทธิเพียง 365 คน คิดเป็น 58.99 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

พปชร.ชนะทิ้งห่างเหนือ พท.

ต่อมาเวลา 20.40 น. ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการที่นับแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ ผลปรากฏว่า ผู้สมัครหมายเลข 1 นายเพชรภูมิ อาภรรัตน์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ 45,687 คะแนน ตามด้วยผู้สมัครหมายเลข 3 นายกัมพล ปัญกุล พรรคเพื่อไทย ได้ 37,989 คะแนนและนายอิทธิพล แตงเล็ก พรรคภาคีเครือข่ายไทย ได้ 1,103 คะแนน จำนวนผู้มาใช้สิทธิ 89,484 คน จากผู้มีสิทธิทั้งหมด 144,579 คน คิดเป็นร้อยละ 65

“สมศักดิ์-วราเทพ” โวคนยังไว้ใจ รบ.

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ อ.พรานกระต่าย ว่า หลังทราบรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายวราเทพ รัตนากร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้ชูมือฉลองชัยชนะให้นายเพชรภูมิ โดยนายสมศักดิ์ขอขอบคุณประชาชนที่มาใช้สิทธิสนับสนุนนายเพชรภูมิ ครั้งนี้ประชาชนตัดสินใจเลือกรัฐบาล ตนและทีมภูมิใจที่ประชาชนยังศรัทธารัฐบาล เทียบคะแนนครั้งก่อนน่าพอใจ ประชาชนยังเลือกให้พรรคพลังประชารัฐชนะ ทำให้รัฐบาลมั่นใจมากขึ้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ด้านนายวราเทพกล่าวว่า คิดว่านายเพชรภูมิเป็นผู้สมัครที่อนาคตไกล ทำพื้นที่มานานทำให้อยู่ในหัวใจของประชาชน เราชนะเพราะประชาชนสนับสนุนรัฐบาล ดีใจที่คนกำแพงเพชรทำให้เรายังมี ส.ส.ครบทั้งจังหวัด ในพรรคไม่มีกระแสความขัดแย้งภายใน หลังมีกระแสข่าวการส่งตัวผู้สมัครยืนยันว่าไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่ามีความเห็นต่างบ้างในบ้านเดียวกัน แต่ทุกคนเคารพกติกาเดียวกัน

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0