โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ขับดี หั่นราคา มาแบบนำเข้า! ทดสอบ BMW 630d GT M SPORT

ไทยรัฐออนไลน์ - Auto

อัพเดต 10 เม.ย. 2563 เวลา 04.21 น. • เผยแพร่ 10 เม.ย. 2563 เวลา 03.00 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

เรือนร่างที่แปลกตาของ BMW Series-6 GT ทำให้แฟนคลับ BMW ไม่ค่อยจะชอบมันสักเท่าไร แต่พอได้ลองขับกันยาวๆ ก็จะเปลี่ยนความคิดนั้นทันที เมื่อเข้าไปนั่งในตำแหน่งคนขับ 630d GT ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและผ่อนคลาย ท่านั่งที่เหมือนกับ Series-5 G30 แต่มีพื้นที่ภายในกว้างกว่าทำให้เกิดประโยชน์ในการนั่งขับหรือนั่งโดยสาร มันเป็นยานพาหนะของครอบครัวที่ถูกออกแบบให้มีความแปลกแยกแตกต่างไปจาก Series-6 ทุกรุ่นในสารบบของ BMW โดยเฉพาะพื้นที่เบาะหลังที่กว้างสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางเท้าหรือพื้นที่เหนือศีรษะก็ยังเหนือชั้นกว่า Series-5 โฉมปัจจุบันแบบเทียบกันไม่ติด

ราคาเมื่อช่วงเปิดตัวในประเทศไทย ปี 2018 เปิดมาที่ 4,690,000 บาท ค่อนข้างแพงเอาเรื่องแต่อย่าลืมว่ามันเป็นรถนำเข้าที่โดนอัตราภาษีไปเต็มๆ ทำให้ค่าตัวของ 630d GT พุ่งสูงกว่า Series-5 G30 รุ่น 520d Sport หรือแม้แต่ 530i M Sport นอกจากขนาดของตัวถังที่ใหญ่โตกว่าเห็นๆ เครื่องยนต์ดีเซลของ 630d GT ก็ยังมีความจุเยอะกว่า รวมถึงประสิทธิภาพด้านแรงฉุดลากหรือแรงบิดที่มากกว่า ผสมกับช่วงล่างและชุดบังคับเลี้ยวที่ปรับตั้งมาสำหรับการทำความเร็ว ทำให้ Gran Turismo รุ่นนี้มีการขับที่ดีอย่างเหลือเชื่อ!

ยอดขายที่ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรในช่วงแรกของการเปิดผ้าคลุมในไทย เนื่องจากเป็นรถนำเข้ามาทั้งคันจากต่างประเทศ ทำให้ BMW Thailand และ Millennium Auto ทำการปรับลดราคาของ 630d Gran Turismo M Sport โดยหั่นค่าตัวกระจุยกระจายจาก 4.69 เหลือเพียง 3.99 ล้าน นอกจากนั้น Millennium Auto ยังใจป้ำแถมฟรีทองคำหนัก 6 บาทให้ไปใส่เล่นอีกตะหาก ดาวน์แล้วผ่อนเริ่มต้นแค่ 29,900 บาทต่อเดือน พร้อมการรับประกัน BSI อีก 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมถึงยังเพิ่มมูลค่ารถเทรด-อินสูงสุดให้อีก 200,000 บาท เรียกว่าทั้งลดแลกแจกแถมกันวุ่นวายเลยทีเดียว 

นอกจากราคาในช่วงเปิดตัวที่แพงเอาเรื่องจนต้องลดราคาลงมา แฟนคลับของ BMW บางคนไม่ชอบรูปทรงของมัน แต่พอได้ขับก็จะเปลี่ยนใจกลับมารักรถรุ่นนี้ นี่คือ BMW Series-6 Gran Turismo ความประทับใจของการเดินทางในราคา 3,990,000 บาท จากเรือนร่างที่ใช้การออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Series-6 ปรับเปลี่ยนเส้นสายของตัวถัง จากรถสปอร์ตช่วงยาวให้กลายเป็นรถแนวจีทีหรือ Gran Turismo ด้านหน้าตามสไตล์เดิมๆ ของ BMW ใช้กระจังหน้าที่มีขนาดใหญ่ เป็นกระจังอัตโนมัติ Active Air Stream Kidney ปิดเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังคงเย็นอยู่ และจะเปิดออกแบบอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิของเครื่องยนต์อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของการทำงาน ไฟหน้าแบบใหม่ Adaptive LED ระบบไฟอัตโนมัติที่มีกำลังในการส่องสว่างไกลเกือบ 600 เมตร ทำงานควบคู่ไปกับเซนเซอร์ตรวจจับ High-beam Assistant สามารถยก หรือลดไฟสูงได้แบบอัตโนมัติ

รูปลักษณ์แบบรถทัวริ่ง ผสมผสานรูปทรงของรถแฮตช์แบ็ค 5 ประตูเข้ากับห้องโดยสารภายในอันหรูหราได้อย่างลงตัว ด้วยคุณสมบัติพิเศษของการขับขี่ที่เหนือชั้นจากระบบรองรับ แชสซีกับช่วงล่าง เครื่องยนต์และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เชื่อมโยงถึงสมรรถนะการทำงานที่หลากหลายตั้งแต่วิ่งไปจ่ายกับข้าวจนถึงการเร่งแซงที่มีแรงพุ่งทะยานอย่างเต็มเปี่ยมด้วยพลังแรงบิดระดับ 620 นิวตัน-เมตร บนไฮเวย์ข้ามจังหวัด เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบประสิทธิภาพสูง กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมให้ความสบายอย่างเต็มที่ในการขับขี่เดินทางบนเส้นทางอันยาวไกล New Series-6 GT นับเป็นรถครอบครัวไซส์โตที่มีความน่าใช้งาน ผสมผสานดีไซน์ที่ทันสมัยผนวกเข้ากับรูปแบบของความสนุกในการขับขี่สไตล์แกรนด์ทัวริ่ง

หลังจากการทำตลาดที่ประสบความสำเร็จในยุโรปและอเมริกาด้วยรถครอบครัวรุ่น Series-5 Gran Turismo รถยนต์แนว GT จาก BMW ในปัจจุบันยังคงมีให้เลือก 2 รุ่น 2 ขนาดตัวถัง ตั้งแต่ 3-Series GT ที่ได้รับความนิยมพอสมควรในประเทศไทย ไปจนถึงพี่ใหญ่อย่าง 6-Series GT รหัสตัวถัง G32 ด้วยภาพลักษณ์ของรถผู้บริหารระดับสูงซึ่งเน้นพื้นที่ใช้สอยผสมกับเรือนร่างที่ใหญ่โตในสไตล์รถยนต์แฮตช์แบ็ค 5 ประตู หมูอ้วน 6-Series GT G32 มีมิติตัวถังน้องๆ Series-7 ด้วยขนาดของความยาว 5,091 มิลลิเมตร กว้างถึง 1,902 มิลลิเมตร สัดส่วนของความสูงอยู่ที่ตัวเลข 1,538 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อวัดจากดุมล้อหน้าไปหลังยาว 3,070 มิลลิเมตร ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาด 610 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังพื้นที่เก็บสัมภาระจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 ลิตร

เมื่อลองเปรียบเทียบกับมิติตัวถังของ Series-5 G30 ที่มีความกว้าง 1,869 มิลลิเมตร ยาว 4,936 มิลลิเมตร และสูง 1,483 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,975 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า 1,604 มิลลิเมตร หลัง 1,631 มิลลิเมตร เห็นได้อย่างชัดเจนว่า 6-Series GT พี่ใหญ่มีขนาดของตัวถังที่ใหญ่โตกว่ามาก สำหรับ 6-Series GT รหัส G32 เมื่อเทียบกับ 5-Series (G30) จะยาวกว่า 156 มิลลิเมตร กว้างกว่า 34 มิลลิเมตร สูงกว่า 72 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อยาวกว่า 5-Series (G30) ถึง 95 มิลลิเมตร แบ่งพื้นที่เบาะโดยสารด้านหลังให้มีขนาดที่กว้างขวางใหญ่โต รวมถึงพื้นที่เหนือศีรษะที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกโปร่งโล่งได้มากกว่ารถรุ่นพี่อย่าง Series-7

การออกแบบรูปลักษณ์ด้านหน้า เริ่มจากไฟหน้าแบบใหม่ในช่องทรงแคบพร้อมหลอดไฟ LED ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ สอดรับกับไฟหน้า LED แบบ Adaptive ทำให้ด้านหน้าของ 6-Series GT ดูกว้างและทรงพลัง กระจังหน้าไตคู่โครเมียมขนาดใหญ่พร้อมระบบเปิด-ปิดกระจังหน้าอัตโนมัติ Active Air Stream เพื่อลดแรงเสียดทานของกระแสลม สปอยเลอร์หน้า M-Sport พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ ฝากระโปรงหน้าอัลลอยน้ำหนักเบา ด้านข้างของตัวถังวางองศาความลาดเอียงเสาหน้าที่สอดรับกับผืนหลังคาโดยค่อยๆ ลดระดับลงไปยังส่วนท้าย ประตูทั้งสี่บานขนาดใหญ่ช่วยทำให้การเข้า-ออกจากห้องโดยสารสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น บานประตูทุกบานแบบสปอร์ตไร้ขอบกระจก พร้อมกลการการปิดแบบ Soft-close function for doors ไม่ต้องปิดแรงๆ แค่ดันเบาๆ ประตูจะดูดเข้าไปล็อกเองแบบอัตโนมัติ เสาท้ายไหลลื่นและลาดเอียงตามสไตล์ของรถแฮตช์แบ็ค เสริมความหล่อด้วยผืนกระจกหลังคาแบบพาโนรามิก เสาอากาศทรงครีบปลาฉลาม ล้ออัลลอยลาย M ขอบ 19 นิ้ว ล้อหน้าขนาด 8.5 J × 19 นิ้ว ส่วนล้อหลังซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนมีขนาดที่โตขึ้นบนตัวเลข 9.5 J × 19 นิ้ว ยางหน้า 245/45 R19 ยางหลัง 275/40 R19 ยัดยางเกาหลียี่ห้อ Hankook รุ่น Ventus V2 S1 EVO ระบบเบรกจัดของดีจาก BMW M Performance Parts คาร์ลิปเปอร์เบรกหน้าแบบ 4 พอต ส่วนเบรกหลังแบบพอตเดี่ยวตัวเดียวโดดๆ ไฟท้ายดีไซน์รูปตัว L เน้นย้ำโครงร่างขององค์ประกอบไฟ LED ในรูปแบบสามมิติ ทำให้ท้ายรถดูมีไดนามิก ฝาท้ายไฟฟ้าเปิดออกด้วยมุมสูงเพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระ

ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งคนเดียวจะรู้สึกเหงา เบาะหนังสีดำเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีน้ำตาล แดชบอร์ดมีขนาดที่โตกว่า Series-5 ตกแต่งด้วยการหุ้มหนังอย่างประณีตบรรจง แดชบอร์ดคาดกลางด้วยงานอัลลอยสีเงิน กึ่งกลางวางจอภาพมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 10.2 นิ้ว ช่องแอร์สีดำแบบเปียโนแบล็ก โดยภาพรวม แดชบอร์ดของ 6-Series GT มีรูปทรงที่คล้ายกับ 5-Series G30 แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย รวมถึงการตกแต่งด้วยวัสดุหรูหราราคาแพงเพื่อให้สมกับการทำตัวเป็นยานพาหนะของผู้บริหารระดับสูง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะหลังมีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า Series-5 ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบายตัว

แผงประตูก็ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดของชิ้นงานที่ใช้ตกแต่ง เช่น กรวยลำโพงของ harman kardon แถบอะลูมิเนียมคาดกลางแผงประตูประดับประดาด้วยสัญลักษณ์ GT หลอดไฟ LED ในระบบไฟภายใน BMW ambient lighting ปรับตั้งเฉดสีได้ตามใจชอบ ชุดเครื่องเสียงเจ้าประจำของ BMW นั่นก็คือ เครื่องเสียงติดรถยนต์พร้อมระบบเสียงรอบทิศทางจาก Harman Kardon ลำโพงที่มอบเสียงทุ้มอย่างเป็นธรรมชาติ จะสร้างเสียงที่กลมกลืนสมจริงได้แม้ในระดับเสียงที่เบามาก ถ่ายทอดเสียงจากการเล่นเครื่องดนตรีหลากชนิดด้วยความคมชัด พร้อมรายละเอียดทางดนตรีที่แตกต่างกันมากที่สุด คุณสมบัติหลักของระบบคือ แอมพลิไฟเออร์ดิจิตอล กำลังขับมากถึง 600 วัตต์ 9 channels พร้อมฟังก์ชั่นตัดสัญญาณรบกวนการ ลำโพง 16 ตัว รอบห้องโดยสาร สร้างเสียงที่สมบูรณ์แบบและมีความสม่ำเสมอในทุกตำแหน่งที่นั่ง

พวงมาลัย M-Sport แบบ 3 ก้าน พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ทำจากอัลลอยขนาดใหญ่ขึ้น พวงมาลัยปรับไฟฟ้า ก้านวงทั้งสองฝั่งติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชันใช้สั่งงานระบบต่างๆ เช่น ระบบเครื่องเสียง การเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย ปุ่มควบคุมระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง พวงมาลัยของ M-Sport วงนี้ยังหุ้มฟองน้ำอย่างหนาทำให้รอบวงอวบอ้วนจับได้อย่างถนัดมืออีกด้วย

ซุ้มคันเกียร์ ZF8HP ล้อมกรอบด้วยงานอัลลอยสีเงินยวง หนังและพลาสติกสีดำเปียโนแบล็ก คันเกียร์ยกมาจาก New Series-5 G30 บริเวณด้านข้างของคันเกียร์ติดตั้งสวิตช์ปรับโหมดการขับขี่ สวิตช์เปิด-ปิดระบบควบคุมการทรงตัว สวิตช์เปิด-ปิดวิงหลังแบบไฟฟ้า ปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto brake hold ข้างคันเกียร์ด้านซ้ายเป็นปุ่มควบคุมของระบบ iDRIVE เวอร์ชั่นใหม่ที่มีการทำงานรวดเร็วและง่ายต่อการปรับตั้ง รวมไปถึงปุ่นปรับโหมดการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์และพวงมาลัย ECO COMFORT SPORT 

สำหรับโหมดการขับเคลื่อนใน BMW 630d GT M-Sport ไล่เรียงจาก ECO Mode / Comfort ซึ่งเป็นโหมดกลางๆ / Sport Mode โหมดท้ารบที่เปิดทุกสิ่งทุกอย่างของเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรกับเกียร์ 8 สปีดเพื่อการขับขี่ที่ต้องการการตอบสนองแบบสูงสุด

มาตรวัดจอภาพ BMW Instrument Cluster TFT LCD แสดงผล 3 รูปแบบ เริ่มจาก ECO มาตรวัดหน้าปัดสีฟ้าคมชัดแสดงระดับของการใช้พลังงานด้วยเข็มทั้งสองฝั่ง เช่น เข็มวัดความเร็ว ระดับเชื้อเพลิง อุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ สเกลการใช้พลังงานและความประหยัดรวมถึงคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง Comfort จอภาพแสดงผลแบบเข็มสีเหลือง มีทั้งเข็มวัดรอบเครื่องยนต์และเข็มวัดสปีดความเร็วที่คมชัด Sport จอภาพสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ M บริเวณกึ่งกลาง ด้านซ้ายมือแสดงสปีดความเร็วทั้งแบบเข็มและตัวเลข ส่วนด้านขวามือแสดงมาตรวัดรอบเครื่องยนต์แบบเข็มและตำแหน่งของเกียร์ออโต้ 8 สปีด

ระบบโทรศัพท์พร้อมการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายของ 6-Series GT มาพร้อมกับแท่นชาร์จแบตเตอรี่และช่องเสียบเสริมสำหรับสาย USB การเชื่อมต่อสัญญาณของเสาอากาศหลังคารถช่วยเพิ่มการรับสัญญาณให้กับโทรศัพท์มือถือ สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่สองเครื่องและอุปกรณ์ฟังเพลงหนึ่งเครื่องผ่านบลูทูธไปพร้อมๆ กันได้ และยังรวมถึง Bluetooth Office และความจุเชิงเทคนิคสำหรับจุดกระจายสัญญาณ WiFi

หัวใจของระบบขับเคลื่อนใน BMW 630d GT คือเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 กระบอกสูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ พร้อมชุดลดอุณหภูมิอินเตอร์คูลเลอร์ รหัส B57D30 เป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรลไดเรคอินเจคชั่น 4 วาล์วต่อสูบ (24 วาล์ว) เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ปริมาตรความจุ 2,993 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 84.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 ให้กำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ หรือ 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 457 ปอนด์-ฟุต หรือ 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์วางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลัง

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส B57D30 ความจุ 3.0 ลิตร (2,993 ซีซี.) วางตามยาวขับเคลื่อนล้อหลัง ออกแบบแท่นเครื่องและแท่นเกียร์ให้ต่ำลงเพื่อลดค่า CG บล็อกเครื่องยนต์ใช้อะลูมิเนียม แบบดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบบอัดอากาศเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ติดตั้งเทอร์โบแปรผัน Twin Scroll ตัวเดียวโดดๆ พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น หัวฉีดแรงดันสูง Piezo มีแรงดันในระบบ 2,500 บาร์ มาดูที่ตัวเลขแรงม้าที่ 265 ตัว ในรอบสูงสุด 4,000 รอบต่อนาที ส่วนแรงฉุดลากหรือแรงบิด 620 นิวตันเมตร ไม่ต้องรอกันนานสำหรับการระเบิดพลังงานแรงบิดที่โผล่ออกมาแค่ 1,800 -2,500 รอบต่อนาที ตัวเลขสมรรถนะของ X5 xDRIVE 30d เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.1 วินาที เร็วกว่า X5 xDRIVE30d รุ่นล่าสุดเล็กน้อย ส่วนความเร็วสูงสุดก็ยังเร็วกว่า new X5 ซึ่งทำได้แค่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วน 630d GT ทำได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เคลมมาจากหน้าโรงงาน 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงทั้งในและนอกเมือง เดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้า แล้วแต่สภาพการจราจร ทำได้ 10.5-11.2 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของตัวถังและน้ำหนักรถเกือบๆ 2 ตัน ส่วนอัตราการปล่อย CO2 ทำได้ที่ 179 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นเครื่องดีเซล 6 สูบที่มีความสะอาดพอสมควร

ระบบรองรับด้านหน้าแบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ ด้านหลังเป็นแบบมัลติลิงก์ ระบบบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแรคแอนพีเนียนพร้อมมอเตอร์ควบคุมน้ำหนักแบบแปรผันไปตามโหมดขับเคลื่อนกับสปีดความเร็ว Servotronic

ระบบส่งกำลังของ BMW 630d GT M Sport  ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ ZF 8HP เป็นชุดส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพของ ZF Friedrichshafen AG สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบไฮดรอลิก และชุดเกียร์ Planetary gearsets พัฒนาเพื่อนำมาใช้งานในรถยนต์ BMW เครื่องยนต์วางตามยาว ระบบเกียร์ทั้งชุด ออกแบบและสร้างโดยบริษัท ZF ใน Saarbrücken ระบบส่งกำลังของ ZF เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน BMW 7 Series (F01) รุ่น 760Li โดยนำมาเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 นับจากนั้นเป็นต้นมา BMW รุ่นใหม่ทุกรุ่นนับจาก Series-1 ไปจนถึง Series-8 รวมถึง Z4 กับรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล X ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ติดตั้งเกียร์ ZF 8HP ทุกรุ่น หนึ่งในเป้าหมายหลักของระบบเกียร์ ZF 8 สปีด คือ การปรับปรุงอัตราทดให้ครอบคลุมกับรอบเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพในการทดกำลังแล้วถ่ายเทออกมาเป็นแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดประหยัด (ECO PRO) โหมดมาตรฐาน (COMFORT) โหมดซิ่ง (SPORT) แยกย่อยโหมดของคนมือบอนที่ชอบการปรับตั้งค่าแยกย่อยต่างๆ ด้วยตัวเอง (ทั้ง Standard และ Individual) การออกแบบชิ้นส่วนภายในใหม่ ทำให้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเหลือ 200 มิลลิวินาที นอกจากนี้อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของเกียร์สามารถเปลี่ยนอัตราทดในลักษณะที่ไม่ต่อเนื่อง (กระโดดข้ามเกียร์) จากเกียร์ 8 ถึงเกียร์ 2 ในสถานการณ์ที่เกียร์จะต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อระบบเบรกถูกใช้งานอย่างเต็มกำลัง รุ่น 8HP70 ออกแบบให้สามารถรับแรงบิดสูงสุดได้ถึง 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์) ชุดเกียร์ทั้งลูกมีน้ำหนัก 87 กิโลกรัม (192 ปอนด์) เกียร์ ZF 8HP เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวในปี 2018 มีการปรับปรุงหลักๆ คือ ประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 2.5% เมื่อเทียบกับเกียร์รุ่นที่ 2 นอกจากนั้นชุดเกียร์ยังออกแบบให้ใช้งานกับระบบ mild hybrid และ plug in hybrid ของ X5 xDRIVE 45e iperformance

Body Control ที่เลิศเลอของ 630d GT ขัดแย้งกับรูปทรงอวบๆอย่างสิ้นเชิง แม้ขนาดตัวถังจะใหญ่ แต่พอได้ลองขับจริงจัง ลากกันยาวๆ ออกทางไกลทั้งวัน กลับพบว่าเจ้าหมู GT คันนี้ควบคุมได้ดีและง่ายดายมาก ในเมือง มันพยายามทำตัวให้เป็นมิตรกับคุณตั้งแต่แรกเริ่มด้วยการมอบความแม่นยำและการถ่ายเทน้ำหนักที่สุดยอด เป็นรถที่มีพวงมาลัยดีมากคันหนึ่งในวงการรถหรูของเยอรมัน ในย่านความเร็วต่ำพวงมาลัยไฟฟ้าแบบ Servotronic ให้สัมผัสที่ละเอียดอ่อน โดยผ่องถ่ายน้ำหนักที่เบาสบายมือในย่านความเร็วต่ำ เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบมีประสิทธิภาพสูงเกินหน้าเกินตารถคู่แข่งอยู่บ้างในด้านของแรงบิด อัตราเร่งและอัตราสิ้นเปลือง เสียงการทำงานของเครื่องดีเซลตัวโตเบาลงเมื่อเทียบกับเครื่องดีเซลของ Series-5 F10 รวมถึงการเก็บเสียงที่โดดเด่นตามสไตล์ของรถเยอรมัน ขับไปได้ไม่ไกลคุณจะเริ่มรู้สึกดีและรักมันมากขึ้นเรื่อยๆ รูปทรงที่แปลกตาขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับสภาพการควบคุมที่เหนือชั้นและขับได้ดีกว่า Series-5 รุ่นใหม่อย่างชัดเจน

BMW Group เป็นแบรนด์ที่จับความรู้สึกของผู้ใช้รถที่รักการขับได้เก่งกว่าแบรนด์อื่นอยู่พอสมควร รถยนต์รุ่นใหม่ของแบรนด์ตราใบพัดกลายเป็นที่ชื่นชอบของนักขับจำนวนมาก (ไม่นับรถรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าของ BMW ที่ยังขับได้ไม่เนียนเท่ากับการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังซึ่งเป็น DNA ของแบรนด์ตราใบพัด) เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ BMW พยายามที่จะมอบความเป็นรถยนต์พรีเมียมให้กับลูกค้าที่เป็นชนชั้นกลาง ซึ่งมักจะคุ้นเคยกับรถธรรมดาทั่วไปจากผู้ผลิตที่เน้นจำนวนการขายมากกว่าการมุ่งไปที่สมรรถนะเพื่อเป็นการลดต้นทุน แบรนด์ตราใบพัดพยายามนำเสนอประสบการณ์ของการขับที่แตกต่าง จนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว (ยกเว้นในประเทศไทยที่คนรวยส่วนใหญ่ยังใช้รถ Mercedes เพื่อการโชว์ฐานะทางสังคม) เมื่อกว่า 10 ปีก่อน บรรดารถคู่แข่งอย่าง Audi และ Mercedes Benz ก็เริ่มหันมาเลียนแบบและเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันทางการตลาดที่หนักหน่วงเอาเรื่อง

คู่แข่งที่เคยสร้างรถธรรมดาสามัญ ต่างอิจฉาความสำเร็จของ BMW ก็เลยพยายามปรับปรุงรถยนต์ในค่ายของตัวเองให้มีรูปแบบที่พรีเมียมมากขึ้น พร้อมๆ ไปกับการขับที่ดีขึ้น จนทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นข่าวเปิดตัวรถใหม่ของค่ายไหนก็มักจะมีคำว่าพรีเมียม หรูหรามีระดับ หรือตลาดระดับบนต่อท้ายกันทั้งนั้น แต่หลายค่ายก็สับสนกับคำว่าพรีเมียม โดยเฉพาะลูกเล่นและวัสดุที่ดูดีขึ้นเล็กน้อย จนทำให้รถมีออปชั่นและราคาที่สูงเกินความจำเป็น ลูกค้าบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระบบที่มีอยู่นั้นใช้งานอย่างไร หารู้ไม่ว่า คำว่าพรีเมียมนั้น แท้จริงแล้วอยู่ที่งานดีไซน์และวิศวกรรมอันเยี่ยมยอด ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องสลับซับซ้อนมากจนใช้งานลำบาก เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเหมาะสม แต่จนกว่าบริษัทรถเหล่านี้จะเข้าใจ โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ที่เน้นแต่จำนวนการผลิตก็จะไม่มีวันทำรถพรีเมียมได้เหมือน BMW

ความสำเร็จของแบรนด์ตราใบพัด เกิดจากอิทธิพลในด้านงานดีไซน์และบุคลิกของการขับขี่ การเลียนแบบหรือทำตามอย่าง BMW เป็นแนวคิดที่หมายถึงการให้ความสำคัญกับสมรรถนะที่ควบคู่ไปกับความสะดวกสบายในการขับใช้งาน ดีไซน์ดุดันแต่เรียบหรู ความสปอร์ตของตัวรถที่ไม่เพียงแค่ใช้ของแต่งบดบังหรือลวงตาลูกค้า เป็นสิ่งที่ BMW พิสูจน์มาตลอดระยะเวลาของการก่อตั้งแบรนด์มานานกว่า 100 ปี จนกระทั่งทุกวันนี้หลายค่ายก็พยายามลอกเลียนแบบให้เหมือนกับสิ่งที่ BMW กำลังทำในทุกวันนี้

Mercedes Benz ในทุกวันนี้พยายามปรับเปลี่ยนไดนามิกของตัวรถและหันมาให้ความสนใจกับดีไซน์ที่โดนใจวัยรุ่น แบรนด์ตราดาวยังปรับปรุงให้รถยนต์ของตนดูทันสมัยและอ่อนวัยมากกว่าที่เคยมีมาในอดีต แถมยังเน้นการเซตช่วงล่างให้หนึบขึ้นมากกว่าเอาแต่นิ่มและนุ่มนวลอย่างที่เคยเป็นมาในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังวัยรุ่น แต่คุณภาพของงานประกอบและการบริการหลังการขายที่เอาอกเอาใจลูกค้าเท่านั้นที่จะเป็นตัวชี้วัดถึงดัชนีของความสำเร็จ ส่วน Audi ที่พยายามแย่งตำแหน่งผู้นำในด้านรถยนต์พรีเมียมของเยอรมันก็เลียนแบบ BMW ด้วยเช่นกัน Audi สร้างตลาดเฉพาะกลุ่มของตนเองขึ้นมาจนสำเร็จ ด้วยการนำเสนอประสิทธิภาพของการขับเคลื่อนทุกล้อบวกกับการควบคุมที่ละเอียดอ่อนมามอบให้กับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีทั้ง BMW และ Mercedes ด้วยดีไซน์ที่สวยงามน่าขับ ห้องโดยสารคุณภาพสูง (แต่ในไทยกลับโดนหั่นออปชั่นเพื่อทำราคาสู้) Audi ยุคใหม่ในทุกวันนี้พยายามให้ความสำคัญกับระบบรองรับและระบบขับเคลื่อนจนทำให้รถยนต์ของแบรนด์ 4 ห่วงขับได้ดีขึ้นเห็นๆ

ตัวเลข 0-100 จากโรงงานเคลมมาว่าเจ้า 630d GT เร่งจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียงแค่ 6.1 วินาที ซึ่งก็ไม่เกินเลยจากความเป็นจริงไปมากนัก อัตราเร่งที่ดุเดือดของ Gran Turismo เกิดจากแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบคู่ ซึ่งปลดปล่อยแรงบิดออกมามากถึง 620 นิวตัน-เมตรในรอบเครื่องต่ำแค่ 2,000 รอบต่อนาที! เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียงที่มีซุ้มเสียงคล้ายเครื่องยนต์ V6 เบนซิน รวมถึงการตอบสนองที่ว่องไวและชัดเจน กดไปเท่าไรก็มาให้เท่านั้นไม่มีขาดหรือเกิน

เมื่อผมลองใช้โหมดกลางๆ อย่าง Comfort ขับออกทางไกล คันเร่งไฟฟ้าปรับค่าของการตอบสนองในแบบที่คุณต้องการ รวมถึงเกียร์ ZF 8 สปีดก็ยังทำงานเชื่อมโยงกับเครื่องยนต์ โดยผ่องถ่ายอัตราทดที่มีความเหมาะสมกับสปีดความเร็ว ทำให้ควบคุมได้อย่างง่ายดายไม่ว่าจะขับช้าๆ หรือขับเร็วจี๋ จังหวะของการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้าไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะพ้นหรือไม่พ้น แค่กะระยะเผื่อให้ปลอดภัยเมื่อสวนคันเร่งลงไปเต็มเหนี่ยว เจ้า Gran Turismo จะพุ่งลิ่วๆ ไปตามฝ่าเท้าพรวดเดียวก็สามารถแซงฝูงรถบรรทุกได้อย่างไม่ต้องลุ้นกันให้มากเรื่อง

เกียร์ 8 สปีดของ ZF เป็นระบบส่งกำลังที่วางลงใน BMW เกือบทุกรุ่นยกเว้นรถแรงรุ่น M ที่หันไปคบหากับเกียร์ทวินคลัตช์ 7 สปีด สำหรับเกียร์ ZF 8 HP มีการทำงานเชื่อมโยงกับรอบของเครื่องยนนต์รวมถึงโหมดของการขับเคลื่อนผ่านสมองกลไฟฟ้า ECU ที่ผ่านการปรับตั้งมาเป็นอย่างดี โหมด ECO เกียร์จะดันขึ้นไปสู่เกียร์สูงอย่างรวดเร็วเพื่อลดรอบเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง การตอบสนองต่อการเร่งความเร็วในโหมดประหยัดจะออกมาในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปแต่ถ้ากดคันเร่งกันจนสุดมันก็จะทะยานออกไปอย่างเร็วอยู่เหมือนกัน

สำหรับโหมด Comfort ซึ่งเป็นโหมดมาตรฐานเมื่อทำการสตาร์ตเครื่องยนต์มอบสัมผัสแบบกลางๆ แต่ก็ให้ประสิทธิภาพในด้านการเร่งความเร็วได้ว่องไวกว่าโหมดประหยัด ส่วน Sport Mode ซึ่งเป็นโหมดสูงสุดนั้น เครื่องยนต์และเกียร์จะผสานการทำงานด้วยความว่องไวสุดๆ เกียร์จะคาอยู่ในช่วงอัตราทดที่มีแรงบิดสูงสุดให้ใช้งานนานกว่าปกติคล้ายการขับแบบลากรอบ โดยภาพรวม ZF8 สปีดเป็นระบบส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะการขับด้วยความเร็วคงที่บนไฮเวย์ ที่ความเร็ว 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเกียร์ 8 มีรอบเครื่องยนต์แค่ 1,700 รอบต่อนาที ต่ำจนทำให้อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 14 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดเอาเรื่องเมื่อเทียบกับขนาดและน้ำหนักของเจ้าหมูทรง GT

ทุกสิ่งทุกอย่างในรถ 630d GT ถูกปรับให้มีน้ำหนักที่พอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นแชสซี เปลือกตัวถังที่ส่วนใหญ่ทำจากอะลูมิเนียม เครื่องยนต์ เกียร์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร คันเกียร์แบบใหม่มีหน้าตาคล้ายคันเกียร์ของ New Series-5 จับได้ถนัดมือจากขนาดที่ใหญ่ขึ้น พวงมาลัย M อวบอ้วนบางคนชอบแต่บางคนก็ไม่ค่อยจะชอบ ส่วนตัวผมชอบพวงมาลัยที่หุ้มฟองน้ำนิ่มๆ อวบๆ ซึ่งทำให้ยึดจับได้ความรู้สึกที่มั่นคงดี ไม่ผอมหรือเรียวบางมากจนเกินไป แป้นเปลี่ยนเกียร์แบบใหม่ก็ยังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทำให้ใช้นิ้วเปลี่ยนเกียร์ผ่านแป้นได้อย่างสะดวก เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบ 3.0 ลิตร ปรับแต่งมาดีมาก ทำงานได้เงียบกว่าเครื่องยนต์ดีเซลของคู่แข่ง โดยเฉพาะรอบเดินเบาเมื่อนั่งอยู่ในห้องโดยสารก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กันเลยทีเดียว ในรอบสูง เครื่องยนต์ดีเซลรหัส B57D30 ให้ความรู้สึกว่า 630d GT เป็นรถที่เร็วมาก และเมื่อเทียบการเปลี่ยนอัตราทดกับเกียร์ 9 สปีดหรือ 9-G Tronic ของ Mercedes กับเกียร์ ZF 8 สปีดของ BMW Group ก็พบว่ามีความไหลลื่นเรียบเนียนที่สูสีแบบกินกันไม่ลง 

ส่วนผสมที่ลงตัวของแชสซีทำให้ BMW 630d GT ขับได้สนุกตามสไตล์ของรถยนต์สมรรถนะสูงจากแบรนด์ตราใบพัด ช่วงล่างแบบโช้คและสปริงให้ความรู้สึกเป็นรอง ช่วงล่างขั้นเทพของ Audi Q7 45TDi อยู่แค่นิดเดียว เป็นระบบรองรับที่มีการจูนอัพเพื่อให้เข้ากับบุคลิกของ Gran Turismo ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นรอยต่อของคอสะพานดุๆ ถนนปูนซีเมนต์ที่ไม่ค่อยจะเรียบหรือทางลาดยางเนียนๆ สัมผัสที่ได้รับจากการถ่ายเทประสิทธิภาพของระบบรองรับทำให้ผมชอบมันมากกว่าช่วงล่างของ 7-Series รุ่น 740Le โดยเฉพาะการนั่งที่แสนจะสบายในเบาะผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงการกระจายน้ำหนักเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เป็นช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกเป็นกลาง หนึบแน่นแต่ไม่ยักกระด้างและไม่ยอมให้ส่วนท้ายกวาดออกด้านข้างเมื่อหวดเข้าโค้งมุมแคบด้วยความเร็วสูง

BMW 630d GT มีการขับขี่ที่น่าประทับใจ เป็นรถครอบครัว 5 ที่นั่งราคาแพงแต่ก็ยังถือว่าถูกกว่า Series-7 G12 ประเด็นหลักของคนที่ควักเงินเกือบ 5 ล้านเพื่อแลกกับรถแฮตช์แบ็คทรงอวบไม่ได้อยู่ที่อัตราสิ้นเปลืองแต่อยู่ที่สมรรถนะซึ่งคุณจะได้รับอย่างเต็มเหนี่ยวเมื่อครอบครองรถที่มีรูปทรงแปลกประหลาด (แต่สวยงามและขับได้ดีอย่างเหลือเชื่อ) BMW 630d Gran Turismo ให้ความรู้สึกสบายและเร็วจี๋ ทำออกมาได้ดีกว่ารถคู่แข่ง และทำให้ผมอยากขับมันให้ไกลมากกว่านี้ เป็นรถสปอร์ตทรง GT ที่เข้าถึงได้ง่ายหากคุณยอมรับและเปิดใจให้กับมัน เป็นรถที่ทำให้รู้สึกได้ถึงความเร็วและความแม่นยำคล่องแคล่วว่องไว เจริญรอยตาม Series-6 รุ่นพี่ด้วยพื้นที่ภายในกว้างขวางมากกว่า เครื่องกำลังสูง เกียร์ไหลลื่น ยางเกาะหนึบแม้จะเป็นยางเกาหลี แก่นแท้ของมันก็คือสมรรถนะ แชสซีที่โดดเด่นกับความสะดวกสบาย เป็นรถที่มีรูปทรงแปลกประหลาดแต่ขับได้ดีทั้งในและนอกเมือง ราคาที่ลดลงมาโดย Millennium Auto แม้จะโดยหั่นออฟชั่นก็ยังน่าขับอยู่ดีละครับ.
รายละเอียดด้านเทคนิค
เครื่องยนต์ เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,993 ซีซี.
กำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด  620 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 6.1 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำ มันเชื้อเพลิงเฉลี่ย - อ้างอิงผล ECO Sticker (กิโลเมตร/ลิตร) 17.7
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 149 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร
ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke
ขนาดยาง ล้อหน้า: 8.5 J x 19 / ยาง 245/45 R19
ล้อหลัง: 9.5 J x 19 / ยาง 275/40 R19 (ยาง Runflat)
มิติรถยนต์ ยาว 5,091 มิลลิเมตร กว้าง 1,902 มิลลิเมตร สูง 1,538 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 610 - 1,800 ลิตร 
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำ หนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic) 
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) 
ระบบควบคุมกระจังหน้าอัจฉริยะ (Active Air Stream Kidney) 
ระบบควบคุมสปอยเลอร์หลังอัจฉริยะ (Active Rear Spoiler) 
ระบบจัดเก็บพลังงานจากการเบรกและชะลอความเร็ว (Brake Energy Regeneration) 
ระบบช่วยนำ รถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) 
ระบบตัดการทำ งานเครื่องยนต์อัตโนมัติ 
ระบบเลือกรูปแบบการขับขี่ พร้อมฟังก์ชันกำหนดรูปแบบการขับขี่เฉพาะตัว 
อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับตามทิศทางหมุนของพวงมาลัย (Adaptive LED) 
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) 
ระบบไฟหน้าและใบปัดน้ำ ฝนทำงานอัตโนมัติ 
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า 
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) 
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors) 
ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติโดยไม่ใช้มือ (Trunk Hands-free Access) 
กุญแจรีโมตระบบสัมผัส (BMW Display Key) 
หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า 
กระจกมองข้างฝั่งคนขับตัดแสงอัตโนมัติ 
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics 
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา 
อุปกรณ์ภายใน
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 
เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ 
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport 
เบาะนั่งหนังแท้ Dakota 
พนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport พร้อม Gearshift Paddles 
คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec 
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) 
ชุดไฟส่องสว่างภายในและนอกห้องโดยสาร 
ฟังก์ชันปรับตำ แหน่งพวงมาลัยด้วยระบบไฟฟ้า 
เพดานหลังคาภายในสี Anthracite 
ภายในตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Rhombicle พร้อมแถบโครเมี่ยม 
630d GT M Sport
อุปกรณ์ภายใน
ม่านบังแดดประตูหลังปรับด้วยระบบไฟฟ้า 
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน 
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
จอภาพขนาด 10.25” 
ระบบวิทยุพร้อมแผนที่นำ ทางรุ่น Professional 
หน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล 
ปุ่มควบคุม iDrive พร้อมระบบสัมผัส 
เครื่องเล่น CD / DVD Blu-ray 
ระบบ BMW ConnectedDrive 
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) 
ระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) 
ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon 
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth และช่อง USB 
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) 
ระบบ Teleservices 
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) 
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) 
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) 
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) 
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights) 
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) 
ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชัน hold อัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง 
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) 
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) 
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant) 
ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator) 
ระบบเตือนเพื่อนำ รถเข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการ (Condition Based Service) 
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง 
กล้องแสดงภาพด้านหลัง 
ชุดตกแต่งพิเศษ M SPORT
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-5253692475053

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0