เรื่องของหวาน เมจิคิดว่าเขาคือเพื่อนที่ทำให้เราคลายเครียดได้ดีจริงๆ เลยค่ะ
ก็เพราะไอ้การคลายเครียดนี่แหละ มันทำให้เรากินจนเพลินจนทำให้ร่างกายของเราสะสมไขมันในเวลาอันรวดเร็ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นของหวาน ต้องประกอบด้วยน้ำตาล และน้ำตาลนี่เอง ร่างกายของเราไม่ต้องใช้เวลาย่อยในกระเพาะเหมือนกลุ่มพวกข้าว แป้ง เพราะกว่ามันจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลต้องผ่านจากกระเพาะลงไปจนถึงลำไส้เล็กก่อน ถึงจะเกิดเป็นพลังงานน้ำตาลได้
แต่น้ำตาลที่อยู่ในของหวาน เพียงแค่กลืนลงคอมันก็เกิดพลังงานขึ้นมาทันทีทันใดเลย เพราะฉะนั้นเจ้าตัวของหวานนี่แหละ ถ้าเกิดเรากินบ่อยๆ เป็นประจำทุกวัน มันจะทำให้ร่างกายของเราสะสมไขมันเป็นพลังงานส่วนเกินมากขึ้น แต่ถ้าเกิดไม่กินเลย ก็รู้สึกเหมือนชีวิตของเราขาดอะไรไป วันนี้เมจิมีเทคนิคการกินของหวานมาฝากค่ะ
ทุกครั้งที่เมจิกินของหวาน เมจิจะกินคู่กับชาเขียวร้อน ในที่นี้หมายถึง Tea Bag ในน้ำร้อนนะคะ แบบ 100% ที่ไม่ใช่ชาเขียวใส่ Whip Cream หรือใส่นมเข้มข้นหวานมัน แบบนั้นเมจิไม่นับค่ะ
วิธีการกินก็คือ ก่อนที่จะกินของหวานเราควรจะกินชาเขียวร้อนซึ่งแช่อยู่ในน้ำร้อน ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุด ชาเขียวร้อนจะมีสารอาหารออกจากใบชา ควรจะแช่ไว้ประมาณ 5-7 นาที แล้วควรจะดื่มก่อนเริ่มกินของหวานสักประมาณ 10-15 นาที ให้ฤทธิ์ของชาเขียวได้ดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด
ประโยชน์ของชาเขียวร้อนจะไปช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งถ้าเกิดเรากินของหวานคู่กับชาเขียวร้อน มันก็จะลดปริมาณของน้ำตาลที่เข้าสู่กระแสเลือดลงส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกินของหวานเท่าไรก็ได้ แล้วกินชาเขียวร้อนช่วย ตรงนั้นคงไม่สามารถช่วยได้ 100% มันช่วยได้แค่ส่วนหนึ่ง แล้วที่สำคัญในชาเขียวร้อนยังช่วยดักจับพวกไขมันคอเลสเตอรอลที่มากับขนม อยู่ในกลุ่มพวกเค้กหรือขนมหวานต่างๆ ด้วย
แต่ก็ต้องควรระวังนิดหนึ่งว่าบางคนถ้ามีอาการใจสั่น เพราะกาเฟอีนที่อยู่ในชา กาแฟ ก็ต้องระวัง เพราะบางคนกินเข้าไปแล้วมีอาการใจสั่น หรือมีอาการเวียนหัวได้ แต่ถ้าเกิดว่าเรากินมาก ผลข้างเคียงของชาเขียวร้อนคือทำให้มีอาการท้องผูก
ทุกอย่างมีข้อดี แต่ถ้าเรากินมากเกินไป มันจะกลายเป็นข้อเสียเหมือนกันค่ะ
เราต้องรู้ปริมาณความเหมาะสมของร่างกายตัวเอง เพราะแต่ละคนก็มีการตอบรับของร่างกายไม่เหมือนกัน แต่เมจิบอกไว้ก่อนนะคะว่า ชาเขียวร้อนไม่ใช่ยาลดความอ้วน ไม่ใช่หมายความว่าเราจะกินของหวานเท่าไรก็ได้ ไม่บันยะบันยัง เดี๋ยวค่อยดื่มชาเขียวร้อนตามทีหลัง มันไม่ได้ช่วยในการลดระดับน้ำตาลทั้งหมด!
ทุกอย่างอยู่ที่ปริมาณการกิน เมื่อกินแล้วเราต้องรู้จักออกกำลังกายช่วยเสริมเสมอ เพราะอย่าลืมว่าทุกอย่างที่เรากินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นของหวานหรือของคาว มันคือพลังงานทั้งสิ้นค่ะ พลังงานที่ร่างกายของเราไม่สามารถเอาไปใช้ได้หมดมันจะไปสะสมเป็นไขมันรอบเอว
ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล ไขมัน คาร์โบไฮเดรต หรือโปรตีนก็ตาม ทุกอย่างคือพลังงานค่ะ
Instagram: meiji_27anorma
Facebook: healthymeijianorma