หลังจากที่ ‘บริษัท กราเทีย (ไทยแลนด์) จำกัด’ และ ‘บริษัท เตก้า (ประเทศไทย) จำกัด’ ได้หอบหลักฐานโต้ กรณีที่นางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ ได้ออกโพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัวเรื่องการตกแต่งภายในบ้าน และการซื้อตู้เย็น (อ่านข่าว ‘กาเทีย ไทยแลนด์’ หอบหลักฐานแจง จ่อฟ้อง ‘ขวัญ อุษามณี’ คาดเรียกค่าเสียหายกว่า 10 ล้านบาท) ล่าสุดเย็นวันนี้ (18 ก.ย.) ขวัญได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว พร้อมด้วย นายนิติธร แก้วโต ทนายความ และผู้ตรวจสอบบ้าน เพื่อแจงปมดราม่าทั้งหมด พร้อมเปิดบ้านให้ได้ชมความเสียหายแบบใกล้ชิด
โดยผู้ตรวจบ้านของนางเอกสาวได้เล่าว่า ได้เข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านเมื่อช่วงบ่ายโมงของวันนี้ โดยพบว่าในส่วนของห้องครัว ตรวจพบงานที่มีตำหนิค่อนข้างเยอะ และอยู่ในจุดที่หลบซ่อนสายตา ซึ่งเจ้าของบ้านไม่สามารถตรวจสอบเองได้ โดยเป็นงานจำพวกเจาะ ยึด มีตำหนิและรอยแตกอยู่เยอะ
ซึ่งขวัญก็ได้เล่าว่าได้ให้บริษัทดังกล่าวเป็นผู้ดูแล ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์และระบบไฟฟ้าทุกอย่างในบ้าน ตามสเปคที่ตนต้องการ โดยคิดไว้ว่าการที่จ่ายเงินไปในมูลค่าที่สูงก็น่าจะได้ของที่ดีที่สุดกลับมา
ส่วนเรื่องตู้เย็นที่เป็นปัญหานั้น ขวัญยอมรับว่ารู้ว่าจะได้ตัวโชว์มาใช้งานก่อนที่จะได้รับสินค้าตัวจริงในช่วงสิ้นปี แต่ตนก็ไม่คิดว่าจะเป็นสินค้าชำรุดแต่อย่างใด
“สาเหตุที่น้องขวัญ ไม่เอาไว้ในบ้าน เนื่องจากว่า คือความคิดของคุณขวัญ คิดแค่ว่าน่าจะมีใครซักคนนึงที่จะคอยดูแลทรัพย์สินตรงนี้ เพื่อไม่ให้เสียหาย ไม่ได้เอาไปหลบอย่างเขาพูดนะครับ”
“ตอนเอาของมาเขาส่งมอบของให้กับน้องขวัญ แต่เวลาเขาเอาไป เขาก็ต้องได้รับมอบต่อไปด้วย สมมุติการขนย้ายเขาทำให้เสียหายขึ้นมา คุณขวัญต้องรับผิดชอบนะครับ ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้น ควรที่จะรับมอบจากน้องขวัญไปด้วย มีตำหนิอะไรยังไงตรงไหน คือความเป็นธรรมที่มันจะเกิด น้องขวัญก็ไม่สบายใจครับ” ทนายว่า
การที่อีกฝ่ายบอกว่าทางคุณแม่ของขวัญเป็นคนเลื่อนนัดการจ่ายเงิน ขวัญก็ยืนยันว่าตนได้บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่มีเวลา และเดินทางไปดูสินค้าที่โชว์รูมเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก้เป็นการติดต่อกันผ่านทางไลน์ และก็ได้มีการรูดบัตรเครดิตเพื่อจ่ายค่ามัดจำ
“พอหลังจากนั้น เราก็บอกเขาว่าให้พี่เอาเครื่องรูดมานะ และเราก็ยินดีที่จะรูดให้ แต่คนที่เลท คนที่มีปัญหา คนที่บอกว่าลืมคือเขา พอขวัญมารูดนอกสถานที่ เราเป็นลูกค้า ถ้าเป็นบริษัทชั้นนำต้องมีใบสำคัญรับเงิน หรือกำกับภาษี เขาบอกว่าลูกน้องเขาลืมออกใบให้ และส่งให้เราในอาทิตย์ต่อไป”
“ขวัญก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงว่ามันคืออะไร ใครคือคนผิดพลาด ถ้าจะพูด มันต้องพูดไปตามหลักเกณฑ์ที่มันถูกต้อง แล้วพอครั้งแรกที่ขวัญเห็นตู้เย็นก็ตกใจ ไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจกัน ของโชว์หน้าร้านมันต้องสมบูรณ์ สภาพดีที่ลูกค้าคนอื่นเขาถึงชอบและยอมจ่ายเงินซื้อให้”
“คือไม่ใช่มาสภาพที่แบบชำรุดแบบนั้น คิดว่าเหล็กมันแข็งแรงขนาดไหน แต่มันสามารถงอได้ค่ะ งอบูดๆเบี้ยวๆเลย แล้วก็ พอขวัญเห็นเสร็จก็เลยส่งเสียงไปให้เขา ให้รบกวนตามตัวจริงที่ไม่ใช่เดโม่ พูดกับเขาแบบสุภาพ ว่าอีกนิดนึงกลังมันจะระเบิด ว่าไม่ควรจะเอาเข้ามาอยู่ในบ้านลูกค้าค่ะ ไม่ใช่เราจ่ายเงินเยอะหรือช้า เขาควรรักษาลูกค้าให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เอาของเก่าๆพังๆมาให้” ขวัญว่า
ก่อนจะบอกว่าต้องการให้เคสของตนเป็นอุทาหรณ์ และเป็นกรณีศึกษาในการจะซื้อของ
ส่วนกรณีที่อีกฝ่ายนั้นบอกว่าจะฟ้อง ขวัญก็บอกว่า
“ก็คิดในมุมกลับ ถ้าบ้านขวัญเสียหายขึ้นมา เขาเป็นคนทำให้บ้านเราสูญเสีย บ้านเรามูลค่าเท่าไร แล้วบ้านข้างๆ มูลค่าเท่าไร”
ส่วนจะมีการเจรจาหรือไม่ ทนายก็บอกว่า “ผมเป็นคนชอบคุยนะ”
“ตอนเขาพูดผมเชื่อว่า 3-4คนนั้นไม่ได้มาหน้างาน แต่หลังจากแถลงข่าววันนี้แล้ว ผมเชื่อว่าเขาควรคิดใหม่ ในฐานะผู้ให้บริการ”
“คุยก่อนครับ เคลียร์ก่อนครับ เพราะความรับผิดชอบยังอยู่ที่เขาอยู่ น่าจะคุยก่อน แต่ถ้าเกิดว่าจะเอากฎหมาย ผมก็ต้องใช้กฎหมายเหมือนกัน ถ้าส่วนไหนกระทบต่อทรัพย์สินเขาก็ต้องดำเนินคดี ผมปิดกั้นความคิดเขาไม่ได้ แต่ในสิทธิ์ของผมคือปกป้องสิทธิ์ที่น้องควรจะมี ที่เป็นผู้บริโภคคนนึง”
