โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ขรก.คลังชี้นโยบายอนาคตใหม่ทำจริงไม่ได้สักอย่าง'ธนาธร'ปลิ้นปล้อนอันตรายยิ่งกว่า'ทักษิณ'

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 ก.พ. 2562 เวลา 05.44 น. • เผยแพร่ 19 ก.พ. 2562 เวลา 05.44 น. • ไทยโพสต์

19 ก.พ.62 - เฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ของนายสุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยแพร่ข้อคิดเห็นของข้าราชการกระทรวงการคลังคนหนึ่งโดยมีเนื้อหา ดังนี้

ทำไมพรรคอนาคตใหม่ของธนาธรอันตรายถึงขั้นจำเป็นต้อง ตระหนัก ?

ถึงเพื่อนๆที่เคารพรักทุกท่าน

ก่อนเลือกตั้งผมจะต้องเขียนบทความที่ชี้แจงถึงความอันตรายของธนาธรว่าเขาเป็นคนโกหกหลอกลวงตอแหลปลิ้นปล้อนขนาดไหนเพราะนโยบายทั้งหมดที่เขาได้กล่าวไปในการหาเสียงแทบจะทำจริงไม่ได้เลยสักอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการยกเลิกทหารเกณฑ์การลดงบประมาณของกองทัพอย่างมหาศาลการให้สวัสดิการรักษาพยาบาลประชาชนเทียบเท่าข้าราชการ การ ปรับปรุงปฏิรูประบบทุนทุกสิ่งที่พูดไปหากทำ ได้จริงประเทศก็จะล้มละลายภายในระยะเวลา 1 ปี

ซึ่งนั่นหมายความว่าเขารู้อยู่แล้วว่าทุกสิ่งที่พูดไปทำไม่ได้ แต่ก็ยังจะใช้หาเสียง มนุษย์คนนี้อันตรายยิ่งกว่าทักษิณ ชินวัตร

ถ้าหากให้พูดอย่างสั้นๆเอาง่ายๆตั้งแต่การยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารและเปลี่ยนมาใช้เงินจ้างในอัตราสูงสูงรวมถึงให้สวัสดิการทหารเกณฑ์    แน่นอนว่าแค่นโยบายนี้นโยบายเดียวก็ทำให้คลังแตกได้เลยเพราะหากจะต้องให้คนเต็มใจที่อยากจะเป็นทหารเกณฑ์หรือเป็นพลทหารโดยการใช้เงินเดือนสูงๆมาล่อ ถ้าหากเราต้องการกำลังพลเพียง 50,000 หาเงินที่ต้องใช้ มหาศาลขณะที่เรียกได้ว่าต้องยุบข้าราชการประจำ 1 กระทรวงเล็กๆเลยทีเดียวนอกจากนี้หากให้สวัสดิการเทียบ ขรก แถมพ่วงด้วยหมายถึงว่าเราจะต้องใช้งบประมาณทางด้านสาธารณสุขอย่างมหาศาลในการออกวิ่งคนพวกนี้รวมถึงพ่อแม่และลูกเมียเขาซึ่งนโยบายทางสาธารณสุขงบประมาณตรงนี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้หากพ่อของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาที่ต้องฟอกไตทุกเดือนและแม่ของพลทหารคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องเบาหวานแค่นี้ค่าใช้จ่ายต่อหัวก็จะเพิ่มขึ้นมาเดือนนึงหลักแสนคนนึงต่อปีก็จะเป็นหลักล้านแน่นอนว่า

คลังไม่ได้มีเงินเยอะให้ขนาดนั้น นี่ยังไม่นับรวมนโยบายอื่นๆอีกมากมายซึ่งทุกนโยบายล้วนไม่สามารถทำได้ในทางปฏิบัติ

และไหนจะนโยบายสาธารณสุขสุดเพ้อฝัน นั่นคือการชูคำว่าเท่าเทียมเพื่อต้องการเรียก และเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมของประชาชนโดยยกเรื่อง สิทธิ์สวัสดิการว่าจะให้สิทธิ์ 30 บาทบัตรทองและสิทธิ์เบิกจ่ายข้าราชการเท่ากันทั้งประเทศ

แค่ทุกวันนี้สิทธิ์เบิกจ่าย ค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการก็แทบจะทำให้คลังไม่มีเงินอยู่แล้ว ซึ่งข้าราชการในแต่ละปี 10 น้อยลงเรื่อยๆซึ่งปัจจุบันแม้แต่การผ่าตาต้อข้าราชการก็ยังจะต้องสำรองจ่ายค่าเลนส์เทียมเพียงแต่ว่าค่าหัตถการและการผ่ายังสามารถทำเบิกจ่ายได้อยู่โดยที่กรมบัญชีกลางจะส่งเงินตรงนี้ไปให้สปสชและให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเบิกมาอีกที แต่

ถ้าหากให้สิทธิ์เหล่านี้กลับประชาชนทั้งประเทศแน่นอนว่าล้มละลายภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีแน่นอน

เมื่อย้อนกลับมาพูดว่าทำไมข้าราชการประจำจึงจำเป็นต้องได้รับสิทธิ์สวัสดิการ ด้านการรักษาที่ดี คงต้องชี้แจงว่าข้าราชการประจำ ถ้าหากดูเงินเดือนที่ได้รับกับงานที่ทำนับได้ว่าต่ำกว่าภาคเอกชนอยู่มากพอสมควร หลายคนที่มีความสามารถเก่งกาจ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการกระทรวงการคลังบางคนที่มีประวัติดีเลิศเคยทำงานระดับ World Bank แต่ยอมเสียสละมาเป็นข้าราชการประจำรับเงินเดือนแค่ไม่กี่หมื่น ดังนั้น สิทธิ์สวัสดิการรักษาพยาบาลจึงเป็นสิ่งที่ควรจำเป็นต้องให้ข้าราชการต่อไป และ ก็ไม่ต่างจากบริษัทเอกชนใหญ่ๆที่มีผลประกอบการดีหลายที่ที่ให้สวัสดิการรักษาพยาบาลหรือซื้อประกันให้กับพนักงานเพิ่ม หากจะต้องการทำให้ได้ดั่งที่เขาพูดจริงกระทรวงการคลังจะต้องทำการเก็บภาษีเพิ่มอย่างมหาศาล

ซึ่งอันที่จริงส่วนนี้เขาก็ทราบดีว่าทำไม่ได้เพราะโฆษกพรรคก็คือหมอที่จบจากโรงเรียนแพทย์ชั้นนำริมแม่น้ำเจ้าพระยามีหรือจะไม่รู้ แต่ร่วมกันหลอกลวงและมอมเมาประชาชนเพียงเพื่อต้องการได้คะแนนเสียง

ผมขอย้อนพูดในส่วนของ การเก็บภาษี ในฐานะที่เป็นนักเรียนเก่าเยอรมัน ภาษีของเยอรมันไม่ได้สูงแค่ในส่วนของ vat หรือภาษีมูลค่าเพิ่มเยอรมันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษีย่อยและเยอะมากเก็บภาษีทุกอย่างแม้แต่ภาษีวิทยุภาษีโทรทัศน์และภาษีอินเตอร์เน็ต ถ้าพูดไปหลายคนคงไม่เข้าใจเพราะภาษีเหล่านี้ไม่ได้มีการนำมาใช้ในประเทศไทยยกตัวอย่างภาษีวิทยุเช่นหาก คุณเอมีรถ 1 คันและในบ้านมีวิทยุ 2 ตัวนั่นหมายถึงว่าใน 1 เดือนคุณเอจะต้องจ่ายค่าภาษีวิทยุทั้งหมด 3 หน่วย เพราะแม้แต่วิทยุในรถก็ถือว่าเป็นภาษีหนึ่งหน่วย จะเห็นได้ว่าภาษี และครอบคลุมทุกอย่างมาก

หากทำอย่างนี้กับคนไทยแน่นอนว่าคงโวยวายกันทั้งประเทศ

อันนี้ยังแค่พูดในเรื่องของนโยบาย เป็นจริงไม่ได้เพราะไม่สอดคล้องกับการคลังของประเทศ

อีกสิ่งที่วัยรุ่นทั้งหลายควรทราบว่าผู้นำอายุน้อย ไม่ได้นำพาสิ่งใหม่ๆที่ดีมาสู่ประเทศเสมอ

อาทิประเทศฝรั่งเศสได้พึ่งมีประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมาเป็นอธิบดีในช่วงอายุ 39 ปี และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือยุคมืดและความตกต่ำของประเทศฝรั่งเศสรวมถึงการเผาทั้งประเทศ

จากใจข้าราชการกระทรวงการคลังตัวน้อยๆคนหนึ่ง-( ขออนุญาตสงวนชื่อผู้เขียนครับ)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0