โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ก.ล.ต.เรียกค่าปรับทางแพ่ง 8 ราย รวม 56.69 ล้านบาท กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้น PTL

ฐานเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 18 เม.ย. 2562 เวลา 11.45 น.

ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 8ราย กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น บมจ. โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) (PTL) เรียกชำระค่าปรับ 56.69ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหาร บจ.

               รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า (1) บริษัท โพลีเพล็กซ์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (PCL) ซึ่งถือหุ้นใน PTL 16.5%และถือผ่านบริษัท โพลีเพล็กซ์ (เอเชีย) จำกัด (PAPL) 34.5% (2) นายปราเนย์ โกธารี ผู้แทนของ PCL (3) นายมานิตย์ กุปต้า ผู้บริหารสูงสุดด้านการเงินของ PCL (4) PAPL และ (5) นายอมิต ปรากาซ กรรมการผู้จัดการของ PTL และกรรมการใน PAPL ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในงบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวมงวดไตรมาส 4/2559 (ระหว่างวันที่ 1มกราคม ถึงวันที่ 31มีนาคม 2559) ของ PTL ผ่านงบรายเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2559

               โดยงบการเงินเฉพาะกิจการพลิกกลับมามีกำไร 98.26ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน 107.44ล้านบาท และงบการเงินรวมมีผลกำไร 464.39ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน 111.32ล้านบาท โดยเป็นกำไรสูงสุดตั้งแต่ปี 2556  และใช้ข้อมูลดังกล่าว ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน ซื้อหุ้น PTL ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ PAPL จำนวน 7,940,100หุ้น ระหว่างวันที่ 1เมษายน ถึงวันที่ 4พฤษภาคม 2559โดยมี (6) นางสุปรีตา ไปร กาสทูรี ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชีของ PTL เป็นผู้ช่วยเหลือในการส่งคำสั่งซื้อหุ้น PTL ดังกล่าว ก่อนที่ข้อมูลภายในดังกล่าวจะถูกเปิดเผยต่อประชาชนผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ ในวันที่ 30พฤษภาคม 2559

จากการตรวจสอบยังพบว่า (7) นายอนุรักษ์ บาเฮติ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชีของ PTL ซึ่งได้ล่วงรู้ผลการดำเนินงานของ PTL ที่ดีขึ้นในงบการเงินเฉพาะกิจการงวดไตรมาส 4/2559ผ่านงบรายเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2559ดังกล่าว ได้ทำการซื้อหุ้น PTL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเอง ในวันที่ 11และวันที่ 17มีนาคม 2559รวม 200,000หุ้น และร่วมกับ (8) นายราฮุล เจน ซึ่งมิได้เป็นบุคคลวงใน ซื้อหุ้น PTL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายราฮุล ในวันที่ 17มีนาคม 2559จำนวน 258,200หุ้น นอกจากนี้ นายอนุรักษ์ยังใช้ข้อมูลผลการดำเนินงาน ในงบการเงินรวมงวดไตรมาส 4/2559ของ PTL ผ่านงบรายเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2559โดยร่วมกับนายราฮุลซื้อหุ้น PTL ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายราฮุล ในวันที่ 23, 24, 26และ 27พฤษภาคม 2559รวมจำนวน 465,000หุ้น

               การกระทำของ (1) PCL (2) นายปราเนย์ (3) นายมานิตย์ (4) PAPL (5) นายอมิต และ (7) นายอนุรักษ์ ที่ใช้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาเพื่อซื้อหุ้น PTL เข้าข่ายเป็นตัวการกระทำความผิดตามมาตรา 241และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) พ.ศ. 2535ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามมาตรา 242และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296และมาตรา 296/2แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ  (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559โดยมีนางสุปรีตา และนายราฮุลช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิด ซึ่งเป็นความผิดและมีบทกำหนดโทษตามบทบัญญัติดังกล่าวประกอบมาตรา 86แห่งประมวลกฎหมายอาญา 

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง(ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต.นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 8ราย โดยกำหนดให้ (1) PCL (2) นายปราเนย์ (3) นายมานิตย์ และ (5) นายอมิต ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 500,000บาท (4) PAPL ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดรวมเป็นเงิน 50,603,066.50บาท (6) นางสุปรีตาชำระค่าปรับทางแพ่ง 333,333.33บาท (7) นายอนุรักษ์ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด รวม 2,982,300.50บาท และ (8) นายราฮุลชำระค่าปรับทางแพ่ง 775,153.67บาท 

               ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนดและส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด

               จากการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดที่เป็นบุคคลธรรมดาทั้ง 6 ราย เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิด 6 รายคือ (2) นายปราเนย์ (3) นายมานิตย์ (5) นายอมิต (6) นางสุปรีตา (7) นายอนุรักษ์ และ (8) นายราฮุล เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต  ส่วนกรณี (2) นายปราเนย์ (3) นายมานิตย์ (5) นายอมิต (6) นางสุปรีตา และ (7) นายอนุรักษ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหาร จะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือที่ ก.ล.ต. จะแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจดังกล่าวในขั้นตอนหลังจากนี้ต่อไป

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0