โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ก.ล.ต.ตั้งเป้าสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน หวังดึงนักลงทุนหน้าใหม่

Money2Know

เผยแพร่ 21 ก.พ. 2562 เวลา 06.08 น. • money2know - เงินทองต้องรู้
ก.ล.ต.ตั้งเป้าสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุน หวังดึงนักลงทุนหน้าใหม่

ก.ล.ต. แจงแผนการดำเนินงานปี 61 พร้อมทั้งเปิดทิศทางการดำเนินงานในปี 62 ตั้งเป้าผลักดันผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้าตลาดทุนมากขึ้น เล็งนำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปขายในประเทศกลุ่ม *CLMV *

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จัดงาน SEC CONFERENCE 2019 CAPITAL MARKET FOR ALL โดยภายในงานมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Key Remarks 2018 in Review and Moving Forward” ซึ่งมีนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ก.ล.ต.เป็นผู้บรรยาย

แผนงานที่ ก.ล.ต. ดำเนินงานในปี 61

นายรพี กล่าวว่าที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการจัดโครงการ 5 ขั้นมั่นใจลงทุน ซึ่งมีการจัดหาข้อมูลที่ดีให้กับผู้ลงทุนและติดตามว่าสถานะการลงทุนควรปรับปรุงไปมากน้อยแค่ไหน โดยมีคนเข้ามาร่วมตามเป้าหมาย โดยโครงการนี้จะช่วยให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้าใจและเชื่อมั่นในการลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงของผู้ลงทุนลดลงถือว่าเป็นสิ่งที่ ก.ล.ต.พยายามดำเนินการเพื่อให้มีนักลงทุนหน้าใหม่กล้าเข้ามาลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น

ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก.ล.ต. เองก็พยายามเข้าไปจัดระบบโดยการกระตุ้นให้สมาชิกเพิ่มเงินเข้ามาในกองทุนมากขึ้น โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้บริหารจัดการเงินของผู้ลงทุนให้ดีกว่าการเก็บไว้เฉยๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าไม่มีความเสี่ยง แต่จริงๆแล้วมันมีความเสี่ยงมากเนื่องจากการเก็บเงินไว้เฉยๆ ทำให้เงินไม่งอกเงย และอาจจะทำให้คนส่วนใหญ่มีเงินไม่พอใช้ในวัยเกษียณ

เป็นโจทย์สำคัญที่ ก.ล.ต.พยายามเดินสายให้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องและมีบริษัทเข้ามาร่วมโครงการกว่า 170 บริษัท ขณะที่ความปลอดภัยก็เป็นโจทย์ใหญ่ที่ตลาดทุนพยายามหาข้อมูลมาให้ผู้ลงทุนตัดสินใจเพื่อลดความเสี่ยงของการลงทุนด้วย

ในส่วนของการระดมทุนตราสารหนี้ ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันตลาดเริ่มมีการแยกแยะว่าอะไรคุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่า ซึ่ง ก.ล.ต.พยายามดูเรื่องคนรุ่นใหม่ ตลาดต้องมีช่องทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในช่องทางนี้ได้ เป็นสิ่งที่ ก.ล.ต.พยายามจัดการให้เป็นไปในวงกว้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาไม่น้อยเช่นกัน

ด้านการระดมทุนผ่านเครื่องมือรูปแบบใหม่ๆ โจทย์ใหญ่ที่ ก.ล.ต.พยายามคิดอย่างหนักคือทำอย่างไรให้ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกก็เป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้เกิดขึ้นให้ได้ ส่วนโจทย์ที่ยากอีกข้อคือการผลักดันให้ต่างชาติ ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาใช้ตลาดทุนไทยเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง

แต่ก็ยังมีความกังวลของประเทศเพื่อนบ้านที่กลัวจะเสียเปรียบเรา จึงเป็นอีกปัจจัยที่จะทำอย่างไรให้ประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในตลาดทุนไทยเพื่อที่จะได้เกิดการเติบโตควบคู่ไปด้วยกัน ขณะที่เรื่องกฏหมายดิจิทัล ก.ล.ต.ก็พยายามที่จะกระตุ้นให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ออกกฏหมายควบคุมที่เป็นไปได้โดยที่ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างจริงจังซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาไม่น้อย

ขณะที่ด้าน Cyber Security เราพยายามเดินควบคู่ไปกับองค์กรต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน ก.ล.ต.กลายเป็นองค์กรไอทีไปแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีการแฮคข้อมูลเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ ก.ล.ต.พยายามกระตุ้นให้ทุกคนเฝ้าระวังข้อมูลของตนเอง นี่ก็เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเดินไปข้างหน้า

สำหรับการร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหลายเรื่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผู้อยู่ใกล้สเตกโฮลเดอร์มาก บทบาทที่เราต้องทำงานไปด้วยกันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในแง่การยกระดับมาตรฐานกำกับดูแลและการบริหารจัดการองค์กร ก็เป็นเรื่องที่ดีขึ้นเป็นระยะ

ถึงแม้ที่ผ่านมา ก.ล.ต.พยายามที่จะทำเซอร์เวย์โดยที่องค์กรไม่ค่อยพอใจมากนักก็ตาม โจทย์ใหญ่ของ ก.ล.ต.ในเรื่องนี้คือการไปพบ Investor ตัวเป็นๆ ว่าเขาต้องการอะไร ซึ่งเป็นโจทย์อีกเยอะที่ ก.ล.ต.ต้องทำงานหนักมาก ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.ยังเล็งเห็นถึงการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ยกระดับให้สามารถใช้เครื่องมือต่างๆ และมองแผนไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งหมดนี้เป็นงานที่ทำมาทั้งปี 2561

นอกจากนี้ยังมีการเตรียมความพร้อมเข้ารับการประเมินประสิทธิภาพการกำกับดูแลตลาดทุนเทียบมาตรฐานสากลในโครงการ Financial Sector Assessment Program (FSAP) ทำให้มีการปรับปรุงและยกระดับตามมาตรฐานสากลในทางปฏิบัติเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ คาดจะมีการเผยแพร่ผลการประเมินช่วงกลางปี 2562 ซึ่งจะมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

เตรียมผลักดันนักลงทุนหน้าใหม่เข้าตลาดทุน

ส่วนทิศทางที่จะก้าวต่อไปก็คงไม่หนีทิศทางจากปี 2561 มากนักแต่เรื่องใหญ่ที่สุดที่โฟกัสคือจะทำอย่างไรให้คนเข้าตลาดทุนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีคนในตลาดทุนแค่ 3 ล้านบัญชีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับจำนวนประชากร ขณะเดียวกันการระดมทุนก็จะได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามายกระดับการจัดการให้ง่ายขึ้น

สิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงประชาชนในวงกว้างส่วนตัวคิดว่าสิ่งสำคัญคือการให้ข้อมูลคน และให้ความรู้ที่ถูกต้อง โดยมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้คนมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเข้ามาแล้วไม่ค่อยมีใครแนะนำ ทำให้ถูกมองว่าการเข้าตลาดทุนเป็นเรื่องยาก

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ ก.ล.ต. ต้องดำเนินการซึ่งถ้าทำสำเร็จจะมีผลดีกับประเทศ ด้านการระดมทุนเรากับ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองไปในทิศทางเดียวกัน ที่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับบริษัทจดทะเบียน โดยมีการมุ่งเน้นที่จะทำ CG เพื่อความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน

"จะทำอย่างไรให้ข้อมูลไปถึง บริษัทจดทะเบียน สิ่งที่เราจะทำให้ได้ดีที่สุดคือการจัดการระบบหลังบ้านและข้อมูลของเรา เพื่อให้เกิดคุณภาพที่ดีในการสื่อสารกับ บริษัทจดทะเบียน"

ขณะเดียวเรื่องเกี่ยวกับบล็อคเชนเทคโนโลยีซึ่งที่ผ่านมาเราได้ยินมาโดยตลอด แต่ในไม่ช้าเราคิดว่าอาจจะต้องมีการเปิดช่องทางระดมทุนใหม่ที่สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งต้องนำบล็อคเชนเข้ามาจัดการ แต่เราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย

เล็งนำกองทุนไทยไปขายยังประเทศ CLMV

สุดท้ายแล้วเป้าหมายที่สำคัญอีกอย่างที่ ก.ล.ต. ต้องการทำคือสร้างแหล่งระดมทุนภูมิภาค CLMV ซึ่งประเทศเหล่านี้ไม่มีกองทุนรวมเลย เป็นสิ่งที่ ก.ล.ต.จะเข้าไปให้ความรู้กับกลุ่มประเทศเหล่านี้

สิ่งที่เราหวังไว้ในอนาคตอันใกล้คือทำอย่างไรให้กองทุนรวมในประเทศของเราไปขายในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก แต่ก็เป็นแผนงานใหญ่ที่ ก.ล.ต.ต้องการให้เกิดขึ้นในระยะอันใกล้นี้

ทั้งนี้แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ถัดจากนี้ของ ก.ล.ต. (ปี 2562-2564) ซึ่งจะจัดทำขึ้นโดยการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดทุน และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ครอบคลุม 5 เรื่องสำคัญ ดังนี้

1.สนับสนุนผู้ให้บริการด้านการให้คำแนะนำและวางแผนทางการเงินที่มีคุณภาพและประชาชนวงกว้างเข้าถึงได้ เพื่อให้ผู้ลงทุนมีโอกาสเข้าถึงบริการแนะนำจะมีต้นทุนที่ลดลง

2.สร้างโอกาสในการระดมทุนอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ตลาดทุนเติบโตอย่างยั่งยืน สนับสนุนให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนของภาคธุรกิจที่มีธรรมาภิบาลที่ดี รวมถึงสนับสนุนกิจการและนวัตกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่เศรษฐกิจและสังคม เพิ่มความสามารถในการแข่งจันของประเทศ ตลอดจนเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน

3.สร้างประสิทธิภาพและศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุนไทย โดยยกระดับกระบวนการและสมรรถนะโครงสร้างพื้นฐานรองรับระบบดิจิทัล เพื่อนำไปสู่บริการที่ดีและสะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของตลาดทุนและภาคเศรษฐกิจจริง

4.การกำกับดูแลที่เท่ากับโลกอนาคตและลดภาระให้กับภาคเอกชน โดยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแล สร้างกรอบเพื่อติดตามและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับฟินเทค ดำเนินการปฏิรูปกฏเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน

5.ยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลและการบริหารจัดการองค์กร โดยให้ความสำคัญกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการทำงาน การใช้เครื่องมือการกำกับดูแลที่หลากหลายเพื่อให้สามารถสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรในด้านต่างๆ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0