โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ก.ยุติธรรม ยกเลิกสัญญาเช่า “กำไลอีเอ็ม” พร้อมเรียกค่าปรับจากเอกชน 84 ล้านบาท

TODAY

อัพเดต 20 ก.ย 2562 เวลา 06.34 น. • เผยแพร่ 20 ก.ย 2562 เวลา 06.34 น. • Workpoint News
ก.ยุติธรรม ยกเลิกสัญญาเช่า “กำไลอีเอ็ม” พร้อมเรียกค่าปรับจากเอกชน 84 ล้านบาท

หลังมีการร้องเรียนถึงประสิทธิภาพการทำงานของกำไลอีเอ็ม จนนำมาสู่การตรวจสอบ ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุตธรรม แถลง สั่งยกเลิกสัญญาเช่าใช้กำไลอีเอ็ม เนื่องจากประสิทธิภาพไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ พร้อมเรียกค่าปรับจากบริษัทเอกชนคู่สัญญา จำนวน 84 ล้านบาท ขณะที่กรมคุมประพฤติแจ้งศาลขอเพิกถอนใช้อุปกรณ์ติดตามตัวกับผู้ถูกคุมประพฤติ 500 รายทั่วประเทศ

กำไลอีเอ็มที่ผ่านการทดสอบแล้วพบว่าใช้น้ำสบู่ล้างแล้วถอดออกจากข้อมือได้

วันที่ 20 ก.ย. 62 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว ยกเลิกสัญญาการเช่าใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ กำไลอีเอ็มกับ บริษัท สุพรีม ดีสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด หลังพบว่ามีข้อบกพร่องและไม่สามารถใช้งานได้จริง โดยก่อนหน้านี้กรมคุมประพฤติได้ทำสัญญาเช่าใช้เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด จำนวน 4,000 เครื่อง เป็นเวลา 21เดือนตั้งแต่ ม.ค.62 - ก.ย. 63 รวม 21 เดือน เป็นเงิน 74, 470,000 บาท ต่อมาตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์สามารถถอดออกได้ ลักษณะอุปกรณ์ไม่ตรงตามทีโออาร์ที่กำหนด จึงแจ้งยกเลิกสัญญาเช่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. และเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมากรมคุมประพฤติได้แจ้งให้บริษัทรับทราบและขอให้ชดใช้ค่าปรับเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 83,825,810 ล้านบาท

โดยเงินที่เรียกเก็บนี้ แบ่งเป็นค่าเสียหาย 4 ประเด็นคือ

1.การส่งมอบอุปกรณ์ล่าช้าเป็นเงิน 1.7 ล้านบาท

2.การไม่นำอุปกรณ์มาเปลี่ยนให้ใหม่ภายในระยะเวลากำหนด 26 วัน จากจำนวนอีเอ็มทั้งหมด 4,000 เครื่อง ค่าปรับเครื่องละ 500 บาท /วัน คิดเป็นเงินจำนวน 52 ล้านบาท

3.ค่าเสียหายจากการไม่มาปฎิบัติงานของพนักงานประจำศูนย์อีเอ็มจำนวน 2 ราย ในระยะเวลา 1 เดือน จำนวน 22,500 บาท

4.ค่าเสียหายหลังการบอกยกเลิกสัญญาอีกทำให้กรมคุมประพฤติไม่สามารถใช้งบประมาณจำนวน 21.6 ล้านบาท และไม่สามารถนำงบปี 62 มาใช้ได้อีก 8.8 ล้านบาท รวม 29.7 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. กรมคุมประพฤติได้ทำหนังสือแจ้งให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายแล้ว สำหรับขั้นตอนการคำนวณค่าเสียหายกรมคุมประพฤติ จะส่งหนังสือไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดให้เป็นผู้ดำเนินคดีต่อไป ส่วนอัยการจะเห็นชอบในตัวเลขดังกล่าวหรือไม่นั้นอาจต้องหารือกันอีกครั้ง แต่ได้พยายามรักษาผลประโยชน์ของรัฐ โดยได้เร่งรัดให้บริษัทเอกชนคู่สัญญาได้ดำเนินการแก้ไขให้ครบถ้วน และเห็นได้ว่ามีการทำผิดสัญญาอย่างชัดเจน ทั้งเรื่องการถอดกำไลอีเอ็มออกง่าย ไม่สังสัญญาณเตือนขณะถูกตัดทำลายและผิดสเปคที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมคุมประพฤติได้แจ้งไปศาลของดใช้กำไลอีเอ็มจนกว่าจะมีการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณใหม่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีงบประมาณในการดำเนินการ

ตัวอย่างกำไลอีเอ็มที่นำมาทดสอบประสิทธิภาพ

การใช้อุปกรณ์อีเอ็มเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ ปัจจุบันคุกทั่วประเทศมีผู้ต้องขัง 3.6 แสนคนและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่พ้นโทษและได้รับการพักโทษมีน้อยกว่าที่เข้ามาใหม่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย การออกกฎกระทรวงการพักโทษ การขยายเรือนจำ การสร้างเรือนจำใหม่ ก็ต้องทำซึ่งได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมตั้งคณะกรรมการเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและการใช้งบประมาณปี 2563 และปี 2564 ด้วย

ด้านนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า กรมคุมประพฤติได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมให้ทราบว่าได้มีการยกเลิกสัญญาเช่าให้กำไลอีเอ็มแล้วและขอให้ประสานไปยังสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดทั่วประเทศ ให้เร่งทำรายงานเสนอศาลเพื่อขอเพิกถอนการใช้กำไลอีเอ็มกับผู้ถูกคุมประพฤติ ซึ่งก่อนจะแจ้งยกเลิกมีผู้ใช้กำไลอีกเอ็มกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 500 คน โดยระหว่างที่ไม่ได้มีการใช้อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ติดตามตัว ศาลอาจมีคำสั่งให้ใช้กำไลอีเอ็มของศาล หรือส่งไปทำงานบริการสังคมตามดุลยพินิจของศาล

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0