โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"ก๊อต จิรายุ" รับหมดสัญญาช่อง 3 ปีกว่า ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว

อีจัน

อัพเดต 18 ต.ค. 2562 เวลา 05.57 น. • เผยแพร่ 18 ต.ค. 2562 เวลา 04.17 น. • อีจันบันเทิง
ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำ&#362…

ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำหรับ หนุ่มก๊อต จิรายุ ที่ล่าสุด (17 ตุลาคม 2562) เจ้าตัวออกมายอมรับว่าหมดสัญญากับทางช่อง 3 มาปีกว่าแล้ว ซึ่งสาเหตุที่หนุ่มก๊อตไม่เซ็นสัญญาต่อก็เพราะเจ้าตัวมีความฝันอยากไปทำงานที่ต่างประเทศนั่นเอง

เรื่องสัญญาช่องหมดหรือยัง
“อ๋อหมดแล้ว หมดไปปีกว่าๆ แล้ว ตอนนี้เป็นนักแสดงอิสระเต็มตัว จริงๆ ที่ผมไม่ได้ไปต่างประเทศเพราะมีสัญญาเรื่องการทำงานอยู่ เพราะฉะนั้นในเมื่อเราหมดสัญญาช่องแล้ว การทำงานของผมจริงๆ จะแวบไปไหนมาไหนตลอดเวลา และเราไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนเพราะการแวบไปไหนมาไหนของเรา บางทีเราไปเรียนที่เมืองนอก บางคลาสเราเรียน 30 วัน 40 วัน มันใช้เวลา ซึ่งไม่มีใครยอมมาเสียเวลาเพราะเราขนาดนั้นหรอก ”

ที่ตัดสินใจเป็นอิสระเพราะเรามีการทำงานต่างประเทศด้วยใช่ไหม
“โดยส่วนตัวผมในฐานะนักแสดงอาจจะมีเป้าหมายไม่เหมือนคนอื่น ของผมคือทำงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ซึ่งงานในเมืองไทยก็ทำแล้ว ก็อยากไปร่วมงานที่ต่างประเทศบ้าง ตอนนี้ก็มี เอเจนแล้ว ถามว่ามีงานเยอะไหม ก็มีงานเยอะมาก คือมีทั้งติดต่อเข้ามาและผมไปแคสติ้งด้วย เราก็ต้องทำหน้าที่ตรงนั้น ตอนนี้ยังไม่มีไซน์งานเป็นการเรียบร้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นการพูดคุยกัน ทาบทามกัน ผมก็รวบรวมโปรไฟล์ที่มีทั้งหมดไป จุดประสงค์ผมเพื่อทำงาน ”
เอเจนที่เราติดต่อใหญ่แค่ไหน
“ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ก็เป็นของประเทศอเมริกัน”
อะไรที่ทำให้เราสนใจไปร่วมงานที่ต่างประเทศ
“ก็บทนั่นแหละ อะไรที่เราไม่ได้ทำที่นี่ เราก็อยากทำที่อื่น อันนี้คือการแสดง ซึ่งผมทำอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักเลย”

การแข่งขันอย่างไร
“ผมไม่ได้สนใจเรื่องการแข่งขัน ถ้าเราเอาตัวเองไปอยู่กับการแข่งขันเราจะเครียด ผมแค่จดจ่อเป็นสิ่งๆ ไป งานที่ผมได้รับมอบหมายผมก็ทำเต็มที่ไม่ว่าจะงานไทยงานเทศเราก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว จดจ่อเป็นเรื่องๆ ไป ใครจะแข่งขันก็เรื่องของเขา “
ไปแคสแล้วโดนปฏิเสธเยอะไหม?
“ธรรมชาติของนักแสดงทั่วโลกมันก็ต้องแคสติ้ง ก็อาจจะมีประเทศเราประเทศเดียวที่ไม่ค่อยแคสกันก็ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร แต่การแคสมันเป็นเรื่องปกติของนักแสดงซึ่งจะได้หรือไม่ได้มันมีหลายปัจจัยครับ”
ต้องเตรียมตัวหนักไหมกับการไปแคสงานต่างประเทศ?
“เตรียมตัวครับ เพราะต่างประเทศเขาไม่ได้รับคนเพราะว่าเราเป็นใคร เขารับว่าเราทำอะไรให้เขาได้”
บทที่อยากเล่นแล้วไม่ได้ มีวิธีจัดการความรู้สึกผิดหวังของตัวเองยังไง?
“ผมไม่ซีเรียสขนาดนั้นนะ เหมือนผมปลูกต้นส้มไว้ ผมไม่ได้คาดหวังว่าทุกต้นมันจะต้องออกผลเท่ากันหมด ไม่ได้ซีเรียส”
กับค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองในการไปแคสงานต่างประเทศ?
“ต้องบริหารจัดการเงินให้ดี เพราะว่าเราไม่ได้มีเงินเยอะเป็นถุงเป็นถังถึงขนาดอยู่สบายไปตลอดชาติ เพราะฉะนั้นเราต้องบริหารจัดการเงินให้ดี รู้ว่าช่วงไหนไปได้ ช่วงไหนควรจะอยู่นิ่งๆ เก็บตัวอยู่ในถ้ำ เวลาเดินทางไปแคสผมจ่ายเองหมดครับ”

หมดเงินไปเยอะแค่ไหน?
“คือตอนนี้ผมจะเลือกแคสเฉพาะงานที่มันอยู่ในโซนเอเชียก่อน งานที่มันวิ่งเข้ามาในไทยเราก็จะไปคุย แล้วจะมีคนที่เป็นที่ปรึกษาที่เป็นคนอเมริกันดูให้กันว่าได้หรือไม่ได้ยังไงโอเคมั้ย”
ความฝันอยากเล่นแบบไหน หรือร่วมงานกับใครเป็นพิเศษ?
“ความฝันสูงสุดของผม ผมมีเป้าไว้แล้วว่าอยากเล่นเรื่องอะไรบ้าง ผมชอบหนังอินเดีย ผมชอบ อาเมียร์ ข่าน เป็นนักแสดงที่ผมชอบเพราะว่าหนังเขามีคุณค่าทางความคิดมากกว่าที่จะเป็นแค่ความบันเทิง อยากพูดคุยกับเขามากกว่า ว่าเขามีแรงบันดาลใจในการทำหนังยังไง ผมไม่ได้ดูหนังแล้วร้องไห้นานมาก จนมาดูหนังของอาเมียร์ ข่าน หนังมันดูแล้วอิ่ม ไม่ได้ดูแล้วแบบอะไรวะ เรื่องอะไรวะ”
ได้มีโอกาสไปลองแคสหรือยัง?
“ยังเลยครับ ห่างไกลเหลือเกิน”
แล้วงานละครที่ไทย ยังรับอยู่ไหม?
“มีครับ ล่าสุดของพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ เรื่องลายกินรี ส่วนงานแคสต่างประเทศ เราก็ไม่ได้ไปเรื่อยๆนะ ไปแบบเจาะจง เราเลือกอยู่ เพราะว่ามันไม่ใช่ทุกโปรเจ็กต์จะเวิร์ก มันก็ต้องเลือกสิ่งที่เราได้ใช้ศักยภาพด้วย ถ้าอันไหนเราไม่ได้ใช้ศักยภาพ เราก็บ๊ายบาย”
มีลุ้นบ้างมั้ย
“ผมลุ้นขี้แตกเลยครับ(หัวเราะ) ผมอยากจะเล่นใจจะขาด”
เรากลัวว่าจะโดนกระแสดราม่ามั้ย พอเป็นอิสระ ไม่ยอมอยู่ค่ายเดิม
“ผมว่าถ้าคนจะดราม่า เขาคงไม่เข้าใจเหตุผล ถ้าเขาฟังเหตุผลแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีใครดราม่าหรอก เหตุผลของผม คือ การเป็นอยู่ของผม ไม่ได้ปกติเหมือนคนทั่วไป ผมไปอยู่ที่นั่นที ไปอยู่นี่ที 1-2 เดือน ผมศึกษาเรื่องนึง ผมเอาจริง ลงพื้นที่อยู่กับมัน แล้วการเป็นคนแบบนี้ให้งานที่แขวนไว้กับเรา สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ เราก็ไม่อยากให้ใครมาเสียงานเพราะเราดำเนินชีวิตแบบนี้ นี่เลยเป็นทางเลือกที่ว่าทำไม ถึงเลือกช่องทางนี้”
โบว์เข้าใจไหม
“เข้าใจครับ นี่ไม่ได้เจอกันเดือนนึงแล้ว ก็เพิ่งได้มาเจอกัน อย่างหนังเรื่องนี้ผมถ่าย 1 เดือน ยังไม่ได้พักเลย ผมทำงานอย่างเดียวเลย โชคดีที่เขาไม่งอน”
เขามีงอแง ขออะไรเป็นพิเศษไหม
“ก็มีบ้างนิดหน่อย เป็นปกติครับ (หัวเราะ)”
แต่ไม่เป็นอุปสรรคกับคู่เรา
“ไม่ครับ เดี๋ยวนี้มีเฟซไทม์”
เขาชินกับวิถีชีวิตของเราแบบนี้ไหม
“เขาชินแล้วครับ ถ้าช่วงไหนผมรับบทเยอะ ๆ ก็ประสาทกินเหมือนกัน ออกจากบ้านผมก็เป็นอีกคนนึง อยู่บ้านผมจะเซ็ตไว้ เข้าห้องนี้ผมเป็นใคร”
เวลาอินกับละคร มีเข้าไปพบจิตแพทย์ไหม
“ไม่ครับ ผมมีกระบวนการทำงานที่แยกออก การที่ผมทำตัวแบบนั้น เพื่อที่ผมจะเป็นตัวละครได้ แต่เข้าไวออกไว บางทีก็พูดช้า ๆ บางทีก็พูดไวไว แต่ไม่เอาออกมา แค่ให้กลิ่นตัวละครอยู่กับเรา แต่ไม่มีเผลอหลุดออกมาใช้กับคนรอบตัว”
เวลาจมกับตัวละคร สลัดออกยังไง
“ถ้าจมลึก แสดงว่าอาจไม่เข้าใจกระบวนการ ของการเป็นตัวละคร เพราะเราไม่ใช่ตัวละครตั้งแต่แรก เราเอาวัตถุดิบของตัวละครมาทำร้ายเรา นั่นแสดงว่าเราไม่เข้าใจกระบวนการหรือเปล่า เราต้องตั้งคำถามนี้ด้วย ถ้าเราเข้าใจกระบวนการที่จะปล่อยเข้ามา ก็ต้องเข้าใจการปล่อยออกมาด้วยครับ”
กระบวนการที่ว่ามีขั้นตอนยังไง
“หนึ่งเลยต้องทำงานหนัก ๆ อ่านบทเป็นร้อยรอบ จนกว่าจะเข้าใจว่าเป็นตัวละคร ไม่ใช่ฉัน เหมือนเราพยายามเลียนแบบเพื่อนเราคนนึง สมมติเพื่อนคนนี้เป็นคนชอบจีบปากจีบคอ เราสามารถเลียนแบบเขาได้ทันที แล้วก็ไม่ติดไปตลอดเท่านั้นเอง”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0