โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ศาลอินโดนีเซียสั่งจำคุก 15 ปี แกนนำกลุ่มติดอาวุธเบื้องหลังระเบิดบาหลี

เดลินิวส์

อัพเดต 19 ม.ค. 2565 เวลา 17.13 น. • เผยแพร่ 19 ม.ค. 2565 เวลา 08.56 น. • เดลินิวส์
ศาลอินโดนีเซียสั่งจำคุก 15 ปี แกนนำกลุ่มติดอาวุธเบื้องหลังระเบิดบาหลี
ศาลกรุงจาการ์ตาตัดสินให้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่าศาลกรุงจาการ์ตามีคำพิพากษา เมื่อวันพุธ ให้นายอาริส ซูมาร์โซโน หรือ "ซุลการ์เนน" วัย 58 ปี หนึ่งในแกนนำทางทหารคนสำคัญของกลุ่มเจมาห์ อิสลามิเยาะห์ (เจไอ) รับโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ฐานมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุวินาศกรรมหลายจุด บนเกาะบาหลี เมื่อปี 2545 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 202 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย

ทั้งนี้ ซุลการ์เนนหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่นานเกือบ 2 ทศวรรษ จนกระทั่งจนมุมต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จากปฏิบัติการบนเกาะสุมาตรา เมื่อเดือน ธ.ค.2563 นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนของอินโดนีเซียยังเชื่อด้วยว่า ซุลการ์เนนมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหน้าโรงแรมเจ.ดับเบิลยู.แมริออท ในกรุงจาการ์ตา เมื่อปี 2546 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 12 ศพ และส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

อนึ่ง รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศให้เจไอเป็น "องค์กรนอกกฎหมาย" หรือ "องค์กรนอกรีต" เมื่อปี 2551 ขณะแกนนำเจไอหลายคนซึ่งถูกจับกุม ให้เหตุผลของการก่อการร้ายครั้งนั้น ว่าเพื่อตอบโต้การที่ออสเตรเลียสนับสนุนการแยกเอกราชของติมอร์เลสเต หรือติมอร์ตะวันออก นับตั้งแต่ผ่านพ้นเหตุวินาศกรรมที่เกาะบาหลี ศาลอินโดนีเซียสั่งประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มเจไอแล้ว 3 คน และทุกคนรับโทษแล้ว

อย่างไรก็ตาม การที่เมื่อเดือน ม.ค.ปีที่แล้ว อินโดนีเซียปล่อยตัวนายอาบู บาการ์ บาเชียร์ ผู้นำทางจิตวิญญาณของเจไอ "ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม" หลังบาเชียร์รับโทษจำคุกเป็นเวลานาน 10 ปี และอยู่ในวัยชรามากแล้ว เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนัก จากนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ผู้นำออสเตรเลีย ซึ่งกล่าวว่าการได้รับอิสรภาพของบาเชียร์ สร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัว ให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตชาวออสเตรเลีย จากเหตุก่อการร้ายบนเกาะบาหลี และเรียกร้องให้หน่วยงานด้านความมั่นคงของอินโดนีเซีย ยังคงต้องจับตาทุกความเคลื่อนไหวของบาเชียร์ "อย่างใกล้ชิดที่สุด" เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปลุกระดมก่อเหตุซ้ำรอยอีก ไม่ว่ากับสถานที่แห่งไหน และในประเทศใดก็ตาม.

เครดิตภาพ : REUTERS

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0