โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"กูเกิล" เดินเครื่องบุกตลาดจีน เจาะกลุ่มสตาร์ทอัป-นักพัฒนา

Manager Online

อัพเดต 21 ก.ย 2561 เวลา 01.41 น. • เผยแพร่ 21 ก.ย 2561 เวลา 01.41 น. • MGR Online

กูเกิล บุกจีน หวังดึงสตาร์ทอัป-นักพัฒนา ด้วยการเข้าร่วมจัดงานใหญ่อย่างงานประชุมเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ระดับโลกที่รัฐบาลจีนจัดขึ้นพร้อมกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการต่างๆของกูเกิลให้แก่นักพัฒนาในจีน ภายใต้การจัดงาน "Google Developer Day Shanghai"

ภายในงานนักพัฒนาดังกล่าว ยังได้มีการจัดงาน Demo Day Asia ภายใต้หน่วยสนับสนุนผู้ประกอบการ (Google for Entrepreneurs) หรือบรรดาสตาร์ทอัปขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย ด้วยการคัดเลือกสตาร์ทอัปจาก 10 ประเทศ มาร่วมกันแสดงผลงานต่อนักลงทุน

ที่น่าสนใจคือ การเลือกสถานที่ในการจัดงานครั้งนี้ คือประเทศจีน ที่ปัจจุบันกูเกิล ยังไม่สามารถเข้ามาให้บริการได้ จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจต่อจากนี้ ถึงท่าทีของรัฐบาลจีน กับกูเกิล ที่หวังจะเข้ามาเจาะตลาดในจีนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

แบรดลีย์ โฮโรวิซ รองประธาน ฝ่ายผลิตภัณฑ์ กูเกิล เล่าให้ฟังถึงการจัดงาน Demo Day ในครั้งที่ผ่านๆมาว่า เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการยุคใหม่ เข้ามาแสดงผลงานต่อหน้านักลงทุน รวมถึงโอกาสในการหาพันธมิตรทางธุรกิจ บนเป้าหมายสำคัญคือการช่วยให้สตาร์ทอัปสามารถสเกลผลิตภัณฑ์ และบริการขึ้นไปสู่ตลาดในระดับโลก

ส่วนเหตุผลหลักที่เลือกใช้ประเทศจีนในการจัดงานครั้งนี้ เนื่องมาจากมองว่าจีน ถือเป็นประเทศที่มีสตาร์ทอัประดับยูนิคอร์น (ระดมทุนได้เกิน 1 พันล้านเหรียญ) มากเป็นอันดับต้นๆของโลก แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะมีทั้งนักลงทุน และบรรดาสตาร์ทอัปที่ให้ความสนใจมาเข้าร่วมในครั้งนี้

"สตาร์ทอัปส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในเอเชีย จะเกิดจากความต้องการในการเข้าไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละท้องถิ่น อย่างในจีนเราเห็นปัญหาการเข้าถึงบัตรเครดิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้เกิดบริการอย่างโมบายเพย์เมนต์ขึ้นมาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก"

เป้าหมายในการสนับสนุนสตาร์ทอัปของกูเกิล จะเน้นไปที่การเข้าไปช่วยขยายตลาดให้แก่ผู้ประกอบการ ด้วยการเข้าไปสนับสนุนทางด้านการเงิน ให้ความรู้ คำปรึกษา จากพันธมิตรทางธุรกิจทั่วโลก เพื่อให้สามารถขยายตลาดไปสู่ระดับโลกได้

ทั้งนี้ สตาร์ทอัป 10 ทีม จาก 10 ประเทศ ประกอบไปด้วย DycodeX จากอินโดนีเซียที่พัฒนาโซลูชัน IoT สำหรับเก็บข้อมูลปศุสัตว์ FreightExchange จากออสเตรเลีย ที่ให้บริการแพลตฟอร์มแก่ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าในการปล่อยเช่าพื้นที่ขนส่งที่ไม่ได้ถูกใช้งาน

GITAI จากญี่ปุ่น ที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นยนต์เพื่อช่วยมนุษย์ทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในอวกาศ Marham จากปากีสถานที่ให้บริการแพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหา นัดหมาย ในการเข้าปรึกษาแพทย์

Miotech สตาร์ทอัปฟินเทคจากจีน ที่นำ AI มาช่วยบริหารจัดการการเงิน OneStockHome ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซสำหรับวัสดุก่อสร้างจากประเทศไทย Orii จากฮ่องกงที่พัฒนาแหวนอัจฉริยะให้สามารถส่ง-รับข้อความได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน

SigTuple จากอินเดีย ที่นำ AI มาช่วยในการตรวจทางด้านสุขภาพ SkyMagic จากสิงคโปร์ ที่พัฒนาระบบในการบริหารจัดการการบินโดรน สุดท้าย Swingvy ให้บริการโซลูชันสำหรับบริหารจัดการบุคลากรในกลุ่ม SMEs

สำหรับผู้ชนะที่ได้รับการคัดเลือกจากกรรมการในงาน Demo Day Asia ได้แก่ทีม SigTuple ที่นำเสนอรูปแบบการตรวจสุขภาพรูปแบบใหม่ ด้วยการใช้อุปกรณ์ AI100 มาใช้ในการบันทึกข้อมูลเลือด ปัสสาวะ ซึ่งเป็นการคัดกรองโรคเบื้องต้น และส่งต่อข้อมูลให้แก่แพทย์ หรือโรงพยาบาล ซึ่งเป็นการเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสุขภาพในหลายๆประเทศที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ส่วนทีมที่ได้รับการโหวตจากผู้เข้าร่วมงาน ว่าเป็นสตาร์ทอัปที่น่าสนในคือ Marham

***แสดงศักยภาพกูเกิล สู่สายตานักพัฒนาจีน

ขณะเดียวกัน กูเกิล ยังได้มีการนำบริการต่างๆของกูเกิล มาจัดแสดงให้เหล่านักพัฒนาในประเทศจีนได้เห็น และเรียนรู้ ทั้งในแง่ของการนำ AI มาใช้งาน เนื่องจากในประเทศจีน เริ่มมีการนำเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิ่งอย่าง TensorFlow ของกูเกิลมาใช้งานแล้วกว่า 2 ล้านบริษัท

เจย์ ยานิค หัวหน้าฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ กูเกิล ให้ข้อมูลว่า ในสมัยก่อนหนึ่งในรูปแบบการสั่งงาน AI ที่เกิดขึ้นคือ การเขียนโปรแกรมขึ้นมาเพื่อคัดกรองสแปมอีเมล ซึ่งในยุคก่อนนักพัฒนาต้องมีการป้อนข้อมูลต่างๆ เข้าไปเพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับถึงรูปแบบอีเมลที่เป็นสแปมได้

ขณะที่ในปัจจุบัน นักพัฒนาจะเปลี่ยนจากการป้อนข้อมูลเข้าไป เป็นการสอนให้ระบบคิดถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนเป็นผู้ที่เข้าไปตรวจสอบการทำงานของระบบ เพื่อหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นแทน พร้อมแนะนำบริการต่างๆของกูเกิลในปัจจุบัน ที่มีการนำ AI เข้ามาใช้งานไม่ว่าจะเป็น Google Photos ที่นำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์รูปภาพ เพื่อระบุถึงวัตถุ สถานที่ ที่บันทึกอยู่ในภาพ และนำออกมาให้สามารถใช้คำในการค้นหารูปภาพได้

ถัดมาคือ Google Translate ใช้ AI มาช่วยในการตรวจจับภาษา และแปลข้อมูลจากรูปภาพแบบทันทีทันใด (Realtime Translate) ทำงานร่วมกับ AR ในการแทนที่คำแปลเข้าไปในรูปภาพ Google Lens ที่ใช้ AI เรียนรู้ว่าอะไรอยู่ในรูปภาพแล้ว ก็นำข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยในการประมวลผลต่อ ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องออกมา

แน่นอนว่า บริการเหล่านี้ คนไทยอาจจะคุ้นเคย และใช้งานกันอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าในประเทศจีน บริการต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากการปิดกั้นของรัฐบาลจีน ดังนั้น การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นเหมือนก้าวสำคัญของกูเกิล ที่จะขยายบริการเข้าสู่ประเทศจีน

ด้วยการเปิดมุมมองของบริการต่างๆ ที่จะมาช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น และเปิดโอกาสให้นักพัฒนาสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ เพื่อรุกไปในตลาดนอกประเทศจีนได้ในช่วงแรก ก่อนที่ในอนาคตเมื่อรัฐบาลจีนพร้อมที่จะเปิดให้กูเกิลให้บริการในจีน จะได้มีความพร้อมอย่างเต็มที่

***ทำความรู้จัก "One Stock Home"

วัน สต็อก โฮม (One Stock Home) เป็น 1 ใน 10 ทีมสตาร์ทอัปที่ได้รับการคัดเลือกจากกูเกิล ให้เข้าร่วมพรีเซนต์ในงาน Demo Day ครั้งแรกของกูเกิลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และถือเป็นตัวแทนประเทศไทยที่มีโอกาสเข้าถึงนักลงทุนระดับโลกจากงานดังกล่าวด้วย

ธุรกิจของ วัน สต็อก โฮม เกิดขึ้นจากการที่มีพื้นฐานของการทำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ทำให้เห็นถึงโอกาสในการขยายตลาดมาสู่ช่องทางออนไลน์ ในการเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมระหว่างผู้รับเหมา และผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตลาดประเทศไทย และเริ่มที่จะขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ

อนวัช คิมหสวัสดิ์ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง วัน สต็อก โฮม กล่าวถึงอุตสาหกรรมธุรกิจก่อสร้างว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่มีมูลค่ารวมกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้านับเฉพาะในประเทศไทยจะอยู่ที่ราว 1.8 หมื่นล้านเหรียญ

"จุดเด่นหลักของวันสต็อกโฮมคือการนำข้อมูลในแง่ของราคา และรายละเอียดสินค้าออกมาแสดงผลให้ผู้รับเหมาสามารถตรวจสอบได้จากช่องทางออนไลน์ ซึ่งที่ผ่านมาข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นความลับในอุตสาหกรรมนี้มาก เนื่องจากผู้ผลิตส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่เปิดเผยราคากลาง"

ในส่วนของการเข้าร่วมงาน Demo Day ในครั้งนี้ สิ่งที่ได้รับคือการแลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์จากสตาร์ทอัปที่มีลักษณะธุรกิจใกล้เคียงกันในภูมิภาค ทำให้รู้ว่าในอนาคตถ้าต้องการขยายธุรกิจควรทำอย่างไร ไม่นับรวมถึงการเข้าไปโชว์ผลงานต่อกลุ่มนักลงทุน ที่พร้อมจะให้การสนับสนุนธุรกิจให้สามารถเติบโตได้ต่อไป

ปัจจุบัน วัน สต็อก โฮม ให้บริการแล้วในประเทศไทย กัมพูชา ลาว พม่า และมีแผนที่จะขยายไปให้บริการในอินโดนีเซียช่วงปี 2562 ด้วยการเข้าไปจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยได้มีการพูดคุยกันในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ด้วยมูลค่ารวมกว่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0