MGR Online - "กูเกิล-หัวเว่ย" ประสานเสียงยันสมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่ปัจจุบันยังอัพเดตกูเกิลเพลย์ และระบบความปลอยภัยได้ปกติ แม้จะมีคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยหัวเว่ยเผยว่ารวมถึงเครื่องสมาร์ทโฟนและแท็บเลตที่มีอยู่ในสต็อกทั่วโลกด้วย
วันนี้ (20 พ.ค.) ภายหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับหัวเว่ยยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน จนทำให้วานนี้ (19) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า อัลฟาเบ็ต อิงก์ บริษัทแม่ของกูเกิล เจ้าของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ให้จำกัดการให้บริการระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกกับสมาร์ทโฟนแบรนด์หัวเว่ย ล่าสุดทวิตเตอร์ @Android ซึ่งเป็นทวิตเตอร์ทางการซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 10.3 ล้านคน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวระบุว่า
"เพื่อตอบคำถาม สำหรับผู้ใช้โทรศัพท์หัวเว่ยถึงมาตรการของเราในการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราขอยืนยันกับคุณว่า ในการปฏิบัติตามคำร้องขอของรัฐบาลสหรัฐฯ บริการอย่างกูเกิล เพลย์ และการรักษาความปลอดภัยผ่านกูเกิล เพลย์ โพรเทค จะใช้งานได้ปกติบนอุปกรณ์หัวเว่ยที่มีอยู่ในปัจจุบัน" ทวิตเตอร์ทางการของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ที่ควบคุมโดยกูเกิลระบุ
ขณะที่รายงานล่าสุดของรอยเตอร์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว หัวเว่ยยืนยันว่าเครื่องหัวเว่ยที่ขายไปแล้วและมีสต็อกอยู่ทั่วโลกจะยังสามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ปกติ ทั้งแบรนด์หัวเว่ย ออเนอร์ รวมถึงแท็บเลตรุ่นต่าง ๆ ด้วย
ทั้งนี้จากข้อมูลส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนโลกล่าสุดโดยไอดีซี ในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2562 สมาร์ทโฟนหัวเว่ยสามารถยึดตำแหน่งสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลกเบอร์สองจากแอปเปิลได้ โดยเป็นรองเพียงซัมซุงจากเกาหลีใต้ โดยตัวเลขยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาสูงถึง 59.1 ล้านเครื่อง หรือเติบโตอย่างมากจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 ที่มียอดขายเพียง 39.3 ล้านเครื่อง ตรงกันข้ามกับยอดขายของซัมซุง และแอปเปิลที่ในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้วซึ่งยอดขายต่างหดตัวลงทั้งสองค่าย
For Huawei users' questions regarding our steps to comply w/ the recent US government actions: We assure you while we are complying with all US gov't requirements, services like Google Play & security from Google Play Protect will keep functioning on your existing Huawei device.— Android (@Android) May 20, 2019
