แม้ว่าในสมัยนี้เราจะมีเทคโนโลยีระบบป้องกันภัยอันตรายจากการโจมตีของเหล่าอาชญากรตัวร้ายในโลกไซเบอร์ดีสักแค่ไหน แต่ก็มิอาจป้องกันได้ 100% เพราะมีการใช้วิธีใหม่ๆ ในการโจมตีดังที่เห็นอยู่ในข่าวบ่อยๆ
การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ และแบ็คดอร์สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
ในปี 2018 นี้ มีการสรุปตัวเลขในการโจมตีออกมาเป็นรายงาน Kaspersky Security Bulletin 2018 จากทางศูนย์ปฏิบัติการ แคสเปอร์สกี้ แลป (Kaspersky Lab) โดยทีมวิจัยข้อมูลเกี่ยวกับมัลแวร์ (Malware) ที่เก็บข้อมูลจำนวนการโจมตีมาแสดงให้เห็นว่า การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์นั้น เพิ่มสูงขึ้นถึง 43% ส่วนการโจมตีด้วยแบ็คดอร์ก็เพื่มสูงขึ้นไม่แพ้กันถึง 44% พร้อมกับสรุปด้วยว่าคอมพิวเตอร์ 1 ใน 3 หรือ 30.01% เคยถูกโจมตีด้วยภัยออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้ง ภายในปีนี้
ในรูปด้านบนมาจากการเก็บข้อมูลของ แคสเปอร์สกี้ แลป (Kaspersky Lab) ที่รวบรวมตั้งแต่เดือน มกราคม - ตุลาคม 2018 โดยยอดการโจมตีที่ตรวจพบแบ่งออกได้ดังนี้
- Trojan 50.14%
- Virus 13.06%
- AdWare 7.25%
- Other 6.12%
- Worm 5.78%
- Trojan-Dropper 5.62%
- Backdoor 3.69%*
- Trojan-Ransome 3.55%*
- Trojan-Downloader 3.02%
- Packed 1.78%
โดยสัดส่วนที่มีอัตราการโจมตีเพิ่มขึ้นสูงมีอยู่ 2 ประเภทคือ แรนซัมแวร์ (Trojan-Ransomeware) และแบ็คดอร์ (Backdoor) ที่มีอัตราการตรวจพบสูงขึ้นกว่า 40% ทั้งสองตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้
แรนซัมแวร์ (Trojan-Ransomeware) เพิ่มขึ้น 43% จากในปี 2017 ที่มีการตรวจพบ 2,198,130 ครั้ง แต่ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3,133,513 ครั้ง และ แบ็คดอร์ (Backdoor) เพิ่มขึ้น 44% จากในปี 2017 ที่พบ 2,272,341 ครั้ง เป็น 3,263,681 ในปีนี้
และนอกจากนี้ แนวโน้มการโจมตีในโลกออนไลน์ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติในปี 2011 ที่ตรวจพบการโจมตีจำนวน 70,000 ครั้งต่อวัน เมื่อผ่านไป 6 ปี การโจมตีไม่ได้ลดลงเลย แต่กลับสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 5 เท่า ด้วยจำนวนการตรวจพบถึง 360,000 ครั้งต่อวัน (ในปี 2017)
ทั้งนี้การตรวจจับมัลแวร์สายพันธ์ใหม่ในแต่ละวัน ก็มีจำนวนน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ นี่อาจบ่งชี้ว่าเหล่าอาชญากรออนไลน์อาจจะกลับไปเลือกใช้งานมัลแวร์สายพันธ์เก่าที่เข้าใจวิธีการทำงานมันเป็นอย่างดี แทนที่การสร้างมัลแวร์ตัวใหม่
ในเรื่องของสัดส่วนการเพิ่มขึ้นทั้ง แรนซัมแวร์และแบ็คดอร์ ชี้ให้เห็นถึง การโจมตีการโจมตีรูปแบบใหม่ๆ ที่เป็นการหลอกล่อ หรือเจาะเข้าควบคุมอุปกรณ์ของเหยื่อให้ใช้งานไม่ได้ และเรียกเงินค่าไถ่เป็นการแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ดีเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันหรือการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว เราควรหมั่นอัพเดทเวอร์ชั่นของระบบป้องกัน รวมถึงแอนตี้มัลแวร์ด้วย พร้อมกับไม่เปิดดูไฟล์ ลิงก์โฆษณา หรืออะไรก็ตามที่ไม่รู้จักแหล่งที่มาอย่างแน่ชัด นอกจากนี้แล้วยังควรเปลี่ยนรหัสรักษาความปลอดภัยให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
