*โอภาส บุญล้อม *
"สมศักดิ์ เทพสุทิน" รมว.ยุติธรรม เริ่มออกอาการหงุดหงิดให้เห็น หลังมีเสียงวิจารณ์ว่า นายสมศักดิ์ เข้ามารับตำแหน่งไม่นาน ทีมงาน ก็เริ่มล้ำเส้น ล้วงลูก งานของข้าราชการประจำ โดยนายสมศักดิ์ ยืนยันว่าไม่มีการเข้าไปล้วงลูกใดๆทั้งสิ้น ที่ผ่านมาหลังเข้ารับตำแหน่ง ก็เพียงแค่เดินสายตรวจเยี่ยมกรมต่างๆภายในกระทรวง เพื่อรับฟังข้อมูลการปฏิบัติงาน และมอบนโยบายเท่านั้น ซึ่งการไปตรวจราชการในแต่ละกรมถือเป็นเรื่องปกติที่รัฐมนตรีต้องทำ เพื่อจะได้รับรู้ถึงปัญหาในการปฏิบัติงาน และได้มอบแนวทางการทำงานให้แต่ละกรมเพื่อความสอดคล้องกันและการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันภายในกระทรวง
"ผมไม่เข้าใจว่าการไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายทำไมคนถึงมองว่าเป็นการล้วงลูก ซึ่งการให้นโยบายกับการล้วงลูกมันต่างกัน การไปตรวจเยี่ยมทุกครั้งผมทำแบบเปิดเผย ผมเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวงที่ผ่านมาไม่เคยไปก้าวก่ายการทำงานหรือล้วงลูกใคร ขณะนี้ตนยังไปมอบนโยบายไม่ครบทุกกรมเลย ซึ่งคงต้องเร่งไปดำเนินการให้ครบทั้งหมด"
"หากรัฐมนตรีไม่มีการไปมอบนโยบายให้แต่ละกรม ตรงนี้ต่างหากที่ว่าถือว่าผิด" ในมุมมองของสมศักดิ์
ก่อนที่"สมศักดิ์" ออกอาการฉุนให้เห็นอย่างวันนี้ มันมีที่มาที่ไป เพราะว่า หากมองย้อนไป "สมศักดิ์ "เข้าทำงานอย่างเป็นทางการในกระทรวงตราชั่งเพียงเดินเศษ เดินสายตรวจเยี่ยมมอบนโยบายหน่วยงานในสังกัดยังไม่ครบ บรรยากาศช่วงฮันนีมูนระหว่างทีมการเมืองกับฝ่ายข้าราชการประจำ ทำท่าจะสั้นเสียแล้ว นัยว่าฝ่ายการเมืองโหมไฟจนน้ำผึ้งไหม้..กินกันไม่ลง จนต่างฝ่ายต่างถอยกลับเข้ามายืนในมุมของตัวเอง
ว่าไปแล้วกระแสข่าวเจ้ากระทรวงล้วงลูก ดึงงบ ทำข้าราชการยุติธรรมอึดอัด นับหนึ่งจากการยื่นเรื่องร้องเรียนของเอกชนผู้แพ้ประมูลเช่าใช้อุปกรณ์ควบคุมตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลอีเอ็มต่อ รมว.ยุติธรรม จี้ให้เปิดการทดสอบระบบกำไลอีเอ็มที่มีข้อผิดพลาดบกพร่อง และ รมว.ยุติธรรม ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และผลสอบที่ยังไม่เปิดเผยเป็นทางการออกมาว่าการเช่าใช้กำไลอีเอ็มส่อที่จะขัดต่อทีโออาร์ในหลายจุด,ตามติดมาด้วยบัตรสนเท่ห์ร้องตรวจสอบสเป็คการก่อสร้างเรือนจำ 4 แห่ง นำมาซึ่งทีมงานของนายสมศักดิ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยอง, และยังมีเรื่องงบตกแต่งภายในกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ รวมไปถึงการใช้จ่ายงบลับ ,งบประชาสัมพันธ์ของกระทรวงยุติธรรม
อย่างเรื่องทีมงานลงพื้นที่ตรวจสอบทัณฑสถาน พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ได้ออกหน้าชนกับทีมงานการเมือง โดยเสนอให้ทบทวนและปรับปรุงแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายประจำ ให้เป็นไปอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยึดผลประโยชน์ของทางราชการเป็นหลัก ไม่เปิดประเด็นออกสื่อรายวัน โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงหรือเปิดโอกาสให้ทางส่วนราชการได้ชี้แจงอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน
เมื่อถูกท้าชนซึ่งหน้า "สมศักดิ์" ซึ่งเก๋าเกมทางการเมือง ออกปากสั่งถอยกำชับทีมงานการเมืองห้ามจ้อสื่อเกินเลย โดยเฉพาะประเด็นล่อแหลม พร้อมชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการกรมราชทัณฑ์
แต่ลีลาในการถอยไม่ใช่หนีเตลิดเปิดเปิง เพราะเจ้ากระทรวงยังให้กำลังใจทีมงานมือใหม่ ว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความขยัน ตั้งใจ อยากสร้างผลงาน ย้ำชัดๆถึงสถานะ ว่าฝ่ายการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ทุกคนต้องการสร้างผลงาน
ประเด็นของเรือนจำ จึงถูกล้วงยาวไปถึงการประมูลอาหารของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งใช้ระบบอี-บิดดิ้ง สู้ราคากันจนทำให้รัฐได้ประโยชน์จากราคาการประมูลต่ำ 23 บาทต่อคนต่อวัน แต่ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคำถามกลับมายังกรมราชทัณฑ์เช่นกันว่า อาหารของเรือนจำมีคุณค่าตามหลักโภชนาการเพียงพอหรือไม่ เพราะอาหารกลางวันของนักเรียนมื้อเดียวยังมีราคาถึง 22 บาท ซึ่งฝ่ายประจำมองว่าถูกจ้องจับผิด ขณะที่ฝ่ายการเมืองบอกว่าเขาตั้งคำถามอย่างเปิดเผย ผ่านการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยังผู้บัญชาการเรือนจำทั่วประเทศ ไม่ใช่การล้วงลูก
หลังประเด็นร้อนลากยาวมา 1 สัปดาห์ สมศักดิ์ เปรยว่า ให้พอกันได้แล้วกับการขยายประเด็นแทรกแซง ล้วงลูก ล้วงงบ ยืนยันว่าฝ่ายการเมืองต้องการเข้ามาช่วยข้าราชการทำงาน ตรงไหนขาดเหลืองบไม่พอขอให้บอก รัฐมนตรีจะไปของบฯเพิ่ม เอามาให้ทำงาน
ส่วนเรื่องผลตรวจสอบข้อเท็จจริงกำไลอีเอ็มหลุดสเป็ค ถอดเข้า-ออกโดยไม่มีสัญญาณแจ้งเตือน "สมศักดิ์" ก็ถอยหลบฉาก.. โยนเผือกร้อนให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกมาชี้แจงไขข้อข้องใจให้สังคมรับทราบ เพราะเป็นการตรวจสอบกันเองของฝ่ายประจำ และเป็นการเขียนทีโออาร์กำหนดสเป็คก็เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารปะเทศ
ในช่วงเริ่มต้นฤดูแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งปีนี้รองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ตรวจราชการ ที่ปรึกษา ซี 10 มีคิวเกษียณอายุเพียบ การหมุนย้ายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นเวทีประลองกำลังกันอีกครั้ง
