ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 เม.ย.62 ปิดที่ 1,673.32 จุด ลดลง 0.11 จุด มูลค่าซื้อขาย 37,668.41 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 599.03 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัสออกบทวิเคราะห์ “การเมืองไทยไม่แน่นอนทำ Fund Flow ไหลเข้าขาดตอน” ระบุว่า มีประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามใกล้ชิดคือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง กกต. ที่ขอให้วินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จากกระแสข่าว กกต.มีโอกาสใช้สูตรที่ไม่มีข้อจำกัดว่า พรรคการเมืองที่จะได้จัดสรร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 7.1 หมื่นเสียง กรณีนี้จะทำให้พรรคการเมืองที่มี ส.ส.ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์มีมากถึง 25 พรรค ทำให้การรวมเสียงของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลยิ่งมีความยากขึ้นไปอีก!!
2.การแจกใบส้มให้ ส.ส.เขตเลือกตั้งเชียงใหม่พรรคเพื่อไทย ซึ่งจะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ หลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. 95% แรกไปแล้ว จากนี้ต้องติดตามว่าจะมีผลต่อการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหรือไม่ ถือเป็นอีกเรื่องที่มีความไม่แน่นอน
3. กกต.ตั้งข้อกล่าวหาหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่มีคุณสมบัติขัดต่อกฎหมาย กรณีนี้ต้องติดตามว่า กระบวนการพิจารณาใช้เวลานานแค่ไหน และจะถูกขยายขอบเขตออกไปอย่างไร กระทบถึงสถานะของพรรค และว่าที่ ส.ส.พรรคหรือไม่ ถือเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล
ความไม่ชัดเจนการเมืองนี้มีผลทำให้ Fund Flow ที่ควรไหลกลับเข้าหุ้นไทยชะลอตัว ดัชนีหุ้นจึงไม่สามารถปรับขึ้นไปได้ และมีโอกาสผันผวนมากขึ้น นำไปสู่การขายทำกำไรในเดือน พ.ค.นี้
และเนื่องจากดัชนีขึ้นมาแรง ทั้งที่ขาดแรงหนุนจาก Fund Flow โดยตั้งแต่ต้นปี Fund Flow ไหลออกจากหุ้นไทยเพียงแห่งเดียวในภูมิภาค ราว 9.5 พันล้านบาท แต่หุ้นไทยกลับบวกถึง 7.01% และบวกสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.ที่บวก 6.34% ดังนั้นหากการเมืองยังไม่นิ่ง ดัชนีมีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรสูง!!
นอกจากนี้ ช่วง 25-30 เม.ย.62 จะมีหุ้นขึ้น XD 18 บริษัท กดดัชนีลดลง 1.28 จุด และเดือน พ.ค. มีหุ้นขึ้น XD อีก 123 บริษัท ดังนั้นครึ่งแรกของ พ.ค.ดัชนีจะถูกกดให้ลดลงราว 5.35 จุด แต่ล่าสุดต่างชาติเปิดสถานะ Long SET50 Futures ติดต่อกัน 4 วัน กว่า 1.71 หมื่นสัญญา น่าจะช่วยพยุงตลาดได้ระยะสั้น แต่หากการเมืองยังไม่ชัดเจน ตลาดอาจเผชิญแรงขายในระยะถัดไป
แนะกลยุทธ์เน้นเลือกหุ้นพื้นฐานแกร่งได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการรัฐอย่าง ROBINS และ ERW!!
อินเด็กซ์ 51
