โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

"กัปตัน" กับคดี #มิ้งโป๊ะแตก! 'ไม่ได้ตาย แค่ล้มดังกว่าคนอื่น'

Manager Online

อัพเดต 17 ต.ค. 2561 เวลา 03.26 น. • เผยแพร่ 17 ต.ค. 2561 เวลา 03.26 น. • MGR Online

"ถามว่าตายแล้วเหมือนเกิดใหม่ไหม ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนตายหรอก แค่รู้สึกเหมือนล้ม แล้วลุกขึ้นมาเดินต่อไป ก็อาจจะล้มดังกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง" เสียงคำบอกเล่าจากนักแสดงหนุ่ม "กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง" หลังเจ้าตัวได้มองย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งของชีวิตที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ชีวิตของนักแสดงหนุ่มต้องถือว่าดูดีมีเส้นทางที่สดใสไม่น้อยในฐานะหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งที่ได้รับความนิยมคนหนึ่งของบ้านเรา แต่พลันที่เจ้าตัวตกเป็นข่าวทำ(อดีต)แฟนสาวตั้งท้องทุกอย่างก็ดูจะตรงกันข้าม

ต้องยอมรับว่าในตอนที่มีเรื่องนั้นนักแสดงหนุ่มถูกกระแสสังคมโดยเฉพาะในโลกโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีอย่างหนักถึงขนาดที่เจ้าตัวยอมรับว่า "บ้านเกือบแตก" เลยทีเดียว

"ก็ยอมรับว่าตอนนั้นทุกคนเหนื่อยไปหมด ได้แต่คอยเป็นกำลังใจให้พวกเราเอง เพราะเราต้องรักษาครอบครัวไว้ก่อน ตอนนี้แม่ก็ดีขึ้น เริ่มใช้ชีวิตปกติ ออกไปเที่ยวพักผ่อน ถามว่าก่อนหน้านี้แม่ไม่กล้าออกไปไหนเลยเหรอ เอาจริงๆ เหมือนเขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น"

"เราก็ได้แต่คอยอยู่ข้างๆ เขา เราก็ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ รวมกันเป็นกลุ่ม ตอนนี้เราก็กลับมาเป็นปกติแล้วครับ (เรามีให้สัญญาอะไรกับคุณแม่ไหม?) ไม่ได้สัญญาอะไรครับ แม่แค่บอกว่าจะทำอะไรก็คิดเยอะๆ แล้วก็ยอมรับกับทุกสิ่งที่เราทำไป ถ้าเกิดเราเลือกไปแล้ว เราก็ต้องยอมรับว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น"

"อย่างช่วงนั้นสภาพคนในบ้านค่อนข้างเงียบ และช่วงนั้นเองผมไม่ได้อยู่กับแม่เลย ผมไปอยู่บ้านญาติ ถ้าเกิดอยู่ด้วยกัน มันไม่มีคนดึงขึ้นมั้ง ทุกคนอึมครึมกันไปหมดทั้งบ้าน"

อย่างไรก็ตาม เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความจริงเริ่มปรากฏว่าท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเพียงเรื่อง "โกหก" ที่อีกฝ่ายได้แต่งเติม เขียนบท และสร้างเรื่องราวขึ้นมา เพียงเพื่อจะเยื้อผู้ชายคนนึงเอาไว้

"ผมว่าชีวิตทุกคนต้องมีเรื่องอะไรเข้ามา ต้องมีอุปสรรคบ้าง เพียงแต่เราจะข้ามผ่านมัน หรือมีวิธีรับปัญหากับมันอย่างไร ทุกอย่างที่เข้ามาถึงมันมีอะไรร้ายๆ แต่ผมเชื่อว่าทุกปัญหามันมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ ถ้าเกิดเราข้ามผ่านมันไปได้ ทุกคนมันจะโตขึ้นและน่าจะมีอะไรหลายๆ อย่างสำหรับตัวเองที่มันเปลี่ยนไปด้วย"

"แม้ในตอนนั้นมันอาจจะเป็นเรื่องร้ายๆ แต่ผมก็แค่รู้สึกว่า ผมมีคนที่ให้กำลังใจเรา มีคนที่คอยอยู่กับเราเยอะอยู่เหมือนกัน เขาไม่ทิ้งเรา และเขาไม่ได้ทำร้ายเรา เขามีแต่ความหวังดีให้ มันทำให้เรารู้สึกว่าคนพวกนี้รักเราจริงๆ"

ดีใจได้เห็นรอยยิ้มแม่อีกครั้ง…"รู้สึกดีใจครับที่ได้เห็นรอยยิ้มแม่อีกครั้ง และได้เห็นที่ทุกคนกลับมารักกัน เป็นห่วงกันมากขึ้น เราก็ได้คุยอะไรหลายๆ อย่างกับแม่และทั้งครอบครัวมากขึ้นด้วย เราค่อยๆ ปรับจนเดินไปด้วยกันได้ ถามว่าจากเหตุการณ์นี้รู้สึกว่าเราโตขึ้นไหม"

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองโตขึ้นหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนมีแพสชันในชีวิตมากขึ้น แล้วก็คอยระวัง มีการคิดกลั่นกรองอะไรมากขึ้น"

ไม่รู้ว่าตัวเองโตขึ้นหรือเปล่า แต่ประสบการณ์สอนให้ตนเอง "คัดกรอง" มากขึ้น

"ก็อย่างที่บอกแหละ แม้เรื่องมันจะหนัก แต่มันก็มีข้อดีออกมา มันก็ทำให้เราคิดกลั่นกรองในหัวมากขึ้น ถามว่าหลังจากนี้ได้วางแผนเรื่องความรักไว้อย่างไรบ้าง ความจริงความรักเป็นเรื่องที่พูดยาก ทุกคนมันก็มีความรู้สึก มันไม่สามารถห้ามกันได้ แค่เราก็ต้องระมัดระวัง”

"ตอนนี้ผมเฉยๆ เราต้องโฟกัสที่ตัวเอง เราไม่สามารถไปบังคับคนอื่น หรือบังคับใครให้เขาคิดได้ ฉะนั้นเราได้แต่พิสูจน์ให้เขาเห็นมากกว่า ถามว่าตอนนี้เรากลัวคนที่จะเข้ามาไหม ก็ไม่นะ ส่วนมากผมไม่ค่อยมีใครเข้าในชีวิต มีแต่คนที่สนิทมากๆ มีแต่เพื่อนกลุ่มเล็กๆ ผมค่อยข้างสันโดษนิดนึง"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0