โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กัญชา รักษาเอดส์

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 20 พ.ย. 2562 เวลา 07.50 น. • เผยแพร่ 20 พ.ย. 2562 เวลา 06.09 น.

เรื่องราวของกัญชาสามารถนำมารักษาโรคได้หลายอย่าง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคลมชัก เรื่อยมาจนรักษามะเร็ง รวมถึงว่าสามารถรักษาคนไข้เอดส์ที่แพทย์แผนปัจจุบันบอกหมดทางรักษา หยดน้ำมันกัญชาแล้วจะดีวันดีคืนสร้างความฮือฮาว่า"กัญชารักษาเอดส์ได้" ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงขอให้ความรู้ ไว้ดังนี้

อ่านข่าว… กัญชาและสมุนไพร

ผู้ติดเชื้อเอชไอวี รายแรกรายงานในปี พ.ศ.2524 ปี พ.ศ.2527 รู้สาเหตุว่าเอดส์เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวีที่เข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันร่างกาย ทำให้ CD4 ลดลงจากค่าปกติ 500 ถึง 900 เซลล์/มิลลิลิตรจนต่ำกว่า 200 เซลล์/มิลลิลิตร เกิดโรคฉกฉวยโอกาสและถึงแก่กรรมในที่สุด สารในกัญชาที่จะนำมารักษาเอดส์ต้องแสดงได้ว่าสามารถลดตัวไวรัสเอชไอวี ในกระแสเลือดได้ ซึ่งเป็นตรรกะการรักษาเอดส์

ยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ (Highly Active Antiretroviral Therapy : HAART)สามารถกดตัวไวรัสให้ไม่พบในกระแสเลือด (ต่ำกว่า 20 ก๊อบปี้/มิลลิลิตร) ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น รอดชีวิตและมีคุณภาพชีวิตเช่นคนปกติ การพัฒนายาต้านไวรัสให้กินง่ายขึ้น ข้อแทรกซ้อนน้อยลงและราคาถูกลง จนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สามารถจัดเป็นโครงการเอดส์แห่งชาติ (National AIDS Program = NAP) ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อกินยาต้านไวรัสอยู่ในโครงการกว่า 350,000 คน แพทย์และผู้เกี่ยวข้องทางการแพทย์มั่นใจว่ายาต้านไวรัส คือคำตอบการรักษาเอดส์

มีเหตุการณ์ในอดีตหลายครั้งที่ผู้ป่วยเชื่อสมุนไพร หรือยาโฆษณาแอบอ้างแล้วหยุดกินยาต้านเพียงไม่กี่เดือนร่างกายจะทรุดลงและป่วยเป็นเอดส์เต็มขั้น สารสำคัญ 2 สารในกัญชาคือ Tetrahydrocannabinol (THC) และ Cannabidiol (CBD) ซึ่งมีผลต่อร่างกายทางจิตประสาทโดย THC ทำให้มีอาการจิตประสาทหลอนและถือเป็นยาเสพติด ขณะ CBD ลดอาการวุ่นวายและไม่มีฤทธิ์เป็นยาเสพติด ส่วนผสมทั้ง 2 สารจึงมีความสำคัญต่อผลของกัญชาต่อร่างกาย

สิ่งที่แพทย์รักษาเอดส์กังวลอย่างยิ่งคือคนไข้หยุดยาต้านไวรัสและไปใช้กัญชาอย่างเดียว เพียง 2 สัปดาห์หลังหยุดยาต้านไวรัสในร่างกายจะเพิ่มขึ้นมหาศาลก่อให้เกิดการดื้อยาและป่วยเป็นเอดส์เต็มขั้นในที่สุดและถึงแม้คนไข้ไม่หยุดยาต้านการใช้กัญชาร่วมกับยาต้านยังเกิดข้อเสียหาย คือสารในกัญชามีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาต้านไวรัสทำให้ระดับกัญชาสูงขึ้นเป็นอันตรายต่อร่างกายและอาจลดระดับยาต้านไวรัสบางตัว Ataznavir (ATV) ทำให้ผลการรักษาลดลงเกิดการดื้อยาในที่สุด

ณ ปีนี้ พ.ศ.นี้ แพทย์รักษาโรคเอดส์กล่าวได้เต็มปากคำว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ที่จะนำกัญชามาแทนยาต้านไวรัสเอดส์มารักษาเอดส์แก่คนไข้ได้ในยุคปัจจุบัน

พญ.จุรีรัตน์ บวรวัฒนุวงศ์
ประธานอนุกรรมการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน
ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
โรงพยาบาลชลบุรี

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0