โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สุดยอดหุ้นผลงาน Q2 กำไรจ่อทำนิวไฮสวนกระแสโควิด

Wealthy Thai

อัพเดต 08 ส.ค. 2566 เวลา 20.20 น. • เผยแพร่ 08 ก.ค. 2564 เวลา 08.39 น. • This’s Alano

เข้าสู่ช่วงประกาศงบไตรมาส 2/64 ของบริษัทจดทะเบียนกันแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดรุนแรงในปัจจุบัน โดยนักลงทุนต่างมองหาหุ้นที่ยังสร้างผลประกอบการให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับการลงทุน ดังนั้นวันนี้ทีมข่าว Wealthy Thai จึงได้รวบรวมหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรไตรมาส 2/64 ทำสถิติสูงสุด และถือว่าเติบโตไม่สน COVID-19ที่ระบาดอย่างมากในประเทศไทย จะมีหุ้นในพอร์ตหรือไม่ ไปดูกันเลย
ทั้งนี้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้เริ่มเข้าสู่ฤดูประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยถือเป็นจังหวะที่ดีในการคัดสรรหุ้นที่คาดแนวโน้มผลประกอบการโดดเด่น เพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
ทั้งนี้ประเมินว่าหุ้นที่คาดกำไรงวดไตรมาส 2/64 มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ และมองแนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปียังมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบด้วย ASK, BCH, CHG, DOHOME, ICHI, MTC, NER, SINGER, SONIC, SPALI, WICEและ ZIGA

BCH อัพกำไรไตรมาส 2 ขึ้นอีก

มุมมองของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ได้ปรับคาดการณ์กำไรไตรมาส 2 ขึ้น 19% สู่ระดับ 593 ล้านบาท เติบโต 129%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 83% จากไตรมาสแรก เนื่องจากรายได้การให้บริการโควิดที่สูงกว่าคาด อ้างอิงข่าวหุ้น ผู้บริหาร BCH ให้สัมภาษณ์ว่าจำนวนการตรวจโควิดอยู่ที่ 5.7-5.8 แสนครั้งในไตรมาส 2 (สูงกว่าคาดการณ์ของเรา 16-17%)
โดยการระบาดรอบล่าสุดทำให้จำนวนการใช้เตียงแตะระดับสูงสุดที่ 1,200 เตียงในเดือนเม.ย. รวมทั้ง 2,000 เตียงในพ.ค. และ 6,000 เตียงในเดือนมิ.ย. ดังนั้นปรับคาดการณ์รายได้โควิดขึ้น 19% เป็น 2.4 พันล้านบาท โดยจากคาดการณ์กำไรไตรมาส 2/64 ทำให้กำไร 6 เดือนแรกของปี 64เป็น 916 ล้านบาท หรือ 58% ของคาดการณ์เต็มปีของเรา โดยคาดกำไรสุทธิปี 64 จะอยู่ที่ 1,576 ล้านบาท เติบโต 28.2% จากปีก่อน ซึ่งมองว่า วัคซีนทางเลือกจะหนุนผลประกอบการในไตรมาส 4 แนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 24 บาท

ZIGA อุปสงค์เหล็ก Pre-zinc ยังเพิ่มขึ้น

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาด ZIGA จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ 44 ล้านบาท ขยายตัว 44.7%จากไตรมาสแรก และเติบโต 54.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุปสงค์เหล็ก Pre-zinc ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากลูกค้าทุกกลุ่ม ขณะที่ออร์เดอร์ตกค้างจากไตรมาสแรกก็เข้ามาสมทบในไตรมาสนี้
ยิ่งไปกว่านั้น สินค้าใหม่มาร์จิ้นสูง เช่น ท่อน้ำ Pre-zinc (แบรนด์ Daiwa) ก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นรวมจะเด้งกลับมาที่ระดับ 26.5% จากไตรมาสก่อน 23.4% และเพียง 15.4% ในปีก่อน ส่วนการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 9.6 ล้านบาทในไตรมาสก่อน ผู้บริหารเผยได้บริหารความผันผวนนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้นโดยใช้เครื่องมือทางการเงินครอบคลุมธุรกรรมส่วนใหญ่แล้ว ทำให้รายการลักษณะนี้จะมีบทบาทลดลงมากในไตรมาสนี้ โดยประเมินทั้งปี 2564 จะมีกำไรสุทธิ 169 ล้านบาท เติบโต 43.22% จากปีก่อนอยู่ที่ 118 ล้านบาท แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7.15 บาท

MTC ควบคุมต้นทุนที่ดี

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาด MTC จะรายงานกำไรไตรมาส 2/64ที่ 1.38พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยควบคุมต้นทุนได้ดีและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมที่แข็งแกร่งสามารถชดเชย NIM ที่ลดลง แม้ว่า MTC จะเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 5,283 แห่ง เติบโต 16%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในไตรมาส 2/64แต่อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของบริษัทน่าจะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการควบคุมต้นทุนที่ดี
โดยรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากค่าธรรมเนียมการจัดเก็บหนี้ที่สูงขึ้น ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ คาดว่าอัตราส่วน NPL จะเพิ่มขึ้น เป็น 1.01% และต้นทุนสินเชื่อเพิ่มขึ้น 85bp ในไตรมาส 2/64โดยคาดว่าสินเชื่อน่าจะเติบโตแตะ 5.5 -6.0 พันล้านบาท ในไตรมาส 2/64 ซึ่งเป็นการเติบโตรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 68 บาท
ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังมีความมั่นใจในการเติบโตของกำไรของ MTC หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อ, NIM ที่ยืนระดับได้, สัดส่วน cost/income ที่ลดลง และการควบคุมคุณภาพของ Credit ที่ดี โดยสำหรับการเติบโตของสินเชื่อบริษัทตั้งเป้าที่ 20-25% จากปีก่อน หนุนโดยการขยายสาขาไปที่ 5.5 พันสาขา เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน และสินเชื่อสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ (ตั้งเป้า 1 หมื่นคัน/เดือน) ภาพรวมเรายังประเมินกำไรปี 64เติบโต 9% จากปีก่อน จึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 70 บาท

SINGER เศรษฐกิจระดับท้องถิ่นยังแข็งแรงกว่าเมือง

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 180 ล้านบาท จะเติบโตโดดเด่นถึง 30%จากไตรมาสแรก และเติบโต 60%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจาก ธุรกิจเช่าซื้อที่ยอดขายเติบโต 20%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เครื่องปรับอากาศ (บ้าน) และตุ้แช่(ร้านค้า) ยังเป็นสินค้าหลักในช่วงหน้าร้อน ตามฐานแฟรนไชส์ที่เติบโตเท่าตัวจากปีก่อน
รวมทั้งเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นยังแข็งแรงกว่าเมืองหนุนทั้งนโยบายช่วยเหลือภาครัฐที่ต่ออายุ-แรงงานที่กลับคืนถิ่น-ราคาผลผลิตเกษตรที่ยืนในระดับสูง บวกต่ออุปสงค์และคุณภาพลูกหนี้ที่ทรงตัวได้ ขณะที่ธุรกิจจำนำทะเบียน (C4C) พอร์ตสินเชื่อเติบโต 15%จากไตรมาสแรก มาที่ระดับ 4.6 พันล้านบาท ยังปล่อยได้ตามแผน หนี้เสียยังควบคุมได้ใกล้ไตรมาสก่อน ทำให้ครึ่งปีแรก 64 คาดกำไรคิดเป็น 49% ของเป้าหมายยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ โดยเประเมินกำไรปี 64-65 เท่ากับ 650 และ892 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 42% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 50 บาท

DOHOME รับเป้ากำไรใหม่

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุว่า เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 35.00 บาท (เดิม 30.00 บาท) คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/64 ที่ 616 ล้านบาท เติบโต 321% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 13% จากไตรมาสแรก
หนุนโดย รายได้สูงสุดในประวัติการณ์ที่ 6.42 พันล้านบาท เติบโต 39%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 5% จากไตรมาสแรก จาก จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นมาอีก 1 สาขา ทำให้มีสาขารวมทั้งหมด 26 สาขา (เทียบ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22 สาขา)
รวมทั้ง SSSG เติบโต 25% จากฐานต่ำในจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาเหล็กที่ยังสูงกว่าปีก่อน ประกอบกับคาด GPM ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 22.5% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 21.7% และ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 14.9% แม้ราคาเหล็กเริ่มปรับตัวลง
อย่างไรก็ตามคาดบริษัทสามารถ maintain การเติบโตของ GPM ได้อย่างต่อเนื่องจาก เจรจากับ supplier ให้ส่งของผ่าน DC ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง DOHOME size L สาขาใหม่ทำได้ดีเกินเป้า ซึ่งทำให้ product mix ดีขึ้นและหนุน margin และ ส่งเสริมการขายสินค้าที่มี margin สูง
ดังนั้นปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 64 ขึ้นมา 16% ที่ 2.03 พันล้านบาท เติบโต 180% จากปีก่อน หลักๆ มาจากการปรับ SSSG ขึ้นมาที่ 18% (เดิม 15%) โดยได้อานิสงส์จาก รัฐบาลเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หนุนภาคการก่อสร้าง การระบาดของโควิดระลอกใหม่ที่มีวงกว้าง ทำให้ผู้คนมีการ WFH และได้ตกแต่งซ่อมแซมที่พักอาศัยมากขึ้น ประกอบกับ DOHOME มีหลายสาขาในภาคอีสาน ซึ่งได้รับผลกระทบของโควิดน้อยกว่าภาคกลาง และเมืองท่องเที่ยว และ GPM ปรับขึ้นมาที่ระดับ 21.5% (เดิม 20.5%)
อย่างไรก็ตามที่ทีมข่าว Wealthy Thai นำเสนอมา เป็นส่วนหนึ่งจากนักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ และเป็นเพียงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เท่านั้น ซึ่งยังคงต้องรอดูความชัดเจนของการประกาศผลประกอบการอีกครั้งในเร็วๆนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0