ช่วงนี้หมอมีโอกาสได้ Live พูดคุยกับแฟนเพจบ่อยขึ้นในเพจหมอเอิ้นพิยะดา Unlocking Happiness เพราะการที่เราต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน ทำให้เราต่างมีเวลาอยู่ในพื้นที่ของเรามากขึ้น
และหันมาใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารทางไกลมากขึ้น
หมอพบว่ามีแฟนเพจหลายคนที่กำลังกักตัวเอง ( Self Quarantine ) จากการที่กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง หรือมีประวัติการได้ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือการเริ่มมีอาการของไข้หวัด
กลุ่มคนที่กำลังกักตัวเอง สิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นมากกว่าการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ
เพราะหลักของ Self Quarantine คือ ขังตัวเองอย่างเข้มงวด หยุดเชื้อเพื่อคนในบ้านและชาติของเรา
ยิ่งอัตราการติดเชื้อของประเทศมากขึ้นเท่าไร จำนวนคนที่ต้องทำการกักตัวเอง Self Quarantine ยิ่งเพิ่มขึ้น และมีความสำคัญอย่างมาก ต่อการกดกราฟของการระบาดให้พุ่งทะยานลดลง
เริ่มแรกของการทำ Self Quarantine เราอาจจะคิดว่าแค่จำกัดพื้นที่ ไม่ออกไปไหนแค่14 วันแป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ผ่านไป แต่พอทำจริงๆ ผ่านไปเพียง 3-4 วันหลายคนเริ่มรู้สึกเครียด กระวนกระวายจนต้องส่งข้อความมาปรึกษา เพราะธรรมชาติของเราทุกคนรักและหวงแหนความสุขและอิสระที่สุด
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมตัวที่ดีในการกักตัวเอง เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว เพื่อหยุดเชื้อ และเพื่อชาติ ได้อย่างมีความสุขและความภูมิใจ
เรามาทำความเข้าใจ 3 เรื่องสำคัญต่อจิตใจในการทำ Self Quarantine
- 1.ผลกระทบทางจิตใจในระหว่างที่เราทำการกักตัวเอง
- 2.ปัญหาทางสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการกักตัวเอง
- 3. เทคนิคในการลดผลกระทบทางจิตใจในระหว่างการกักตัวเอง
ผลกระทบทางจิตใจในระหว่างที่เรากักตัวเอง
1. ความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเองลดน้อยลง
ความรู้สึกนี้อาจเกิดขึ้นได้มากกับคนที่มีบุคลิกภาพแบบ extrovert คือคนที่ให้คุณค่ากับความสัมพันธ์กับผู้คน ชอบการเข้าสังคม หรือคนที่อยู่ในบทบาทผู้บริหาร หรือหัวหน้างาน เพราะการใช้ชีวิตกับโลกภายนอกโดยปกติ เราจะมีพื้นที่หรืองานที่เราสามารถใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างเต็มที่ มีคนที่เราสั่งการได้อยู่รอบข้าง มีการสื่อสารสองทางระหว่างเรากับผู้คนมากมายผ่านทั้งทาง วัจนภาษาและอวจนภาษา
2. รู้สึกกลัวการสูญเสียความสามารถ
3. ขาดการเชื่อมโยงระหว่างตัวเองกับคนอื่น
จากการมีเวลาอยู่กับความคิดที่ฟุ้งซ่านและต้องการแยกตัวเองจากคนรัก เพื่อน และสังคม
จากผลกระทบต่อจิตใจอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิต
ปัญหาทางสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการกักตัวเอง
1. โรคประจำตัวเดิม เช่น ซึมเศร้า แพนิค วิตกกังวล เป็นต้น เพราะเป็นช่วงที่ต้องขาดการพบแพทย์แต่มีความเครียดมากขึ้น
2. การนอนผิดปกติ เพราะเราอาจเผลอนอนกลางวันเยอะ จนรู้สึกว่ารบกวนการนอนช่วงกลางคืน
3. สภาวะเครียดจากการปรับตัวไม่ได้
4. อารมณ์หงุดหงิดจากสภาวะหยุดสุราหรือบุหรี่
5. สภาวะเศร้าซึมจากความรู้สึกโดดเดี่ยว
แต่ปัญหาผลกระทบทางจิตใจที่เรารู้สึกสูญเสียความอิสระทางด้านร่างกายอาจลดลงได้
หากเรามีเทคนิคในการลดผลกระทบทางจิตใจในระหว่างการกักตัวเอง
1. สร้างตารางเวลาในแต่ละวันให้ตัวเอง
ตอนที่เรายังใช้ชีวิตปกติ สิ่งแวดล้อมและบทบาทการทำงานเป็นสิ่งที่ช่วยกำหนดเวลา การตื่น การกิน การทำงาน การพักผ่อน การออกกำลังกาย การนอนให้กับเราอย่างอัตโนมัติ แต่เมื่อเรากักตัวเองอยู่คนเดียว
ในแต่ละวันทุกกิจกรรมจะผสมปนเป จนเราเริ่มรู้สึกขี้เกียจและค่อยๆสูญเสียการควบคุมกิจวัตรของตัวเอง
2. คงการขยับร่างกาย
เพราะการที่เราลดการเคลื่อนไหวมากกว่า 2 อาทิตย์จะทำให้เราสูญเสียมวลของกล้ามเนื้อและระบบการเผาผลาญของร่างกายลดลง เสี่ยงต่อความอ้วนและปัญหาโรคหัวใจ
เราอาจหาโปรแกรมการออกกำลังกาย online ให้ร่างกายได้ขยับ
3.รักษาการเชื่อมโยงกับผู้คน
เช่น นัดทานอาหารพร้อมกันกับคนในบ้านทุกมื้อ แม้ว่าจะต้องทานแยกกัน วีดีโอคอลหรือโทรคุยกับเพื่อนและคนที่เรารักอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่พร่ำเพรื่อจนเกินไป
4.เปิดรับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้เป็นประจำและรับข่าวอย่างพอดีให้ตระหนักแต่ไม่ถึงกับตระหนก
5.เริ่มเรียนรู้สิ่งใหม่ที่เราสนใจ หรือจำเป็นต้องใช้หากได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ
โดยผ่านหนังสือ หรือ online เพื่อไม่ให้จมกับความรู้สึกเบื่อ
6.แบ่งเวลาในการนั่งเงียบ ๆ อย่างสงบสัก 10 นาที
แล้วจิตนาการถึงความผ่อนคลาย สถานที่ๆเราชอบ กิจกรรมที่เราอยากทำ สัมผัสถึงความรู้สึกดีและผ่อนคลายที่เกิดขึ้น
7.หาข้อมูลผู้เชี่ยวชาญ หรือช่องทางในการปรึกษาสุขภาพจิตผ่านทาง online ล่วงหน้าเผื่อจำเป็นต้องใช้ในกรณีฉุกเฉิน
8.ถามตัวเองทุกวันว่า “ฉันกักขังตัวเองเพื่ออะไร”
เพื่อให้เราไม่ลืมว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีคุณค่าและความหมายแค่ไหน
วันนี้หมอขอยกย่องคนที่ยอมเสียสละอิสรภาพทางด้านร่างกาย โดยการกักตัวเอง 14 วันทุกคน
เพราะทุกคนกำลังทำสิ่งเล็กที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่ยังเพื่อคนที่เรารัก เพื่อชาติและเพื่อโลกใบนี้
วันนี้เราอาจสูญเสียอิสระทางกายแต่เราอย่าเผลอให้ตัวเองสูญเสียอิสระทางใจไปพร้อมกัน
--
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก หมอเอิ้น พิยะดา ได้ทุกวันพุธใน LINE TODAY