เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 63 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองปราจีนบุรี นายภัทรพล ซุ้นฮั้ว เจ้าพนักงานป่าไม้จับกุม พร้อมคณะจับกุมโดย พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภธ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. นำสำนวนแจ้งความดำเนินคดี นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานความผิดตามมาตรา 19 ครอบครอง บุกรุกแผ้วถางป่า เปลี่ยนสภาพป่า ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พ. ศ.2562 กับ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี หลังจากที่เมื่อช่วงเย็น วานนี้ (20 ม.ค. 63) กอ.รมอ. พร้อมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และกรมที่ดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินบริเวณรอยต่อเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในหมู่ที่ 14 ตำบลเนินหอม อำเภอเมืองจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกัน
พ.อ.พงษ์เพชร ระบุว่า จากการรังวัดของกรมที่ดินในที่ดินต้องสงสัย พบแนวเขตของโฉนดที่อยู่บริเวณ ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จำนวน 2 แปลงรวมเนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวา พบมีการแผ้วถางป่าขึ้นไปบนเนินเขานอกเอกสารสิทธิ์ กินพื้นที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ถึง 12 ไร่ 1 งาน 92 ตารางวา โดยมีร่องรอยของการนำแม็คโคร เปิดพื้นที่ป่าบนเนินเขา ทำเป็นถนนไต่ขึ้นไปเพื่อชมวิวด้านบน คาดว่าเป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินทางธุรกิจ เพื่อเตรียมประกอบการสร้างรีสอร์ท โดยมีการถางพื้นที่ให้กลายเป็นแปลงรวมคล่อมไปกับลำรางสาธารณะด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค ที่ผ่านมา คณะจับกุมดังกล่าว ได้ตรวจสอบพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกันก่อนหน้านี้ พบมีการออกเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินจำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ 70 ไร่ แต่มีการบุกรุกแผ้วถางเปิดป่าใหม่จำนวน 11 ไร่ 3 งาน 93 ตารางวา
เมื่อนำจำนวนที่ดิน ที่บุกรุกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในการตรวจสอบเมื่อครั้งก่อน มารวมกับการตรวจสอบพื้นที่บุกรุกครั้งล่าสุด พบ นายสุนทร วิลาวัลย์ และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ สองพ่อลูกบุกรุกป่าเขาใหญ่บนเนื้อที่รวมกว่า 24 ไร่เศษ
ซึ่งหลังมอบสำนวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวน ไปแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของสภ.เมืองปราจีนบุรี ในการสืบสวนสอบสวนและทำสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลต่อไป
ขณะเดียวกันก็จะมีก็จะนำข้อมูลดังกล่าวไปรายงานในคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐหรือกบร.ด้วย โดยการจับกุมครั้งนี้จะขยายผลไปถึงนโยบาย One Map คือการใช้แผนฉบับเดียวในทุกหน่วยงาน
พ.อ.พงษ์เพชร บอกอีกว่า มีการออกโฉนดที่ดินในลักษณะเดียวกันนี้ และมีการบุกรุกเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อีกหลายแปลง ซึ่งจะทยอยพิสูจน์ สะสาง ไล่เรียงไปจากอำเภอเมืองปราจีนบุรี ไปยังอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี และไปจนถึงอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ที่มีการบุกรุกในลักษณะเดียวกัน
