กองทุนการออมแห่งชาติ ทางเลือกของภาคประชาชน

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้วเกือบ 10 ปี ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มีการวางแผนการออมมาตั้งแต่ช่วงที่ยังอยู่ในวัยทำงาน ในขณะที่ระบบบำนาญของประเทศเองยังมีความเหลื่อมล้ำ ทางภาครัฐบาลเองก็ได้เล็งเห็นว่าประชาชนที่ไมได้อยู่ในระบบ ของการทำงานในหน่วยงาน ของทั้งภาครัฐและเอกชน จะไม่มีสวัสดิการอะไรเลย เมื่อเข้าสู่วัยชราจะไม่มีหลักประกันของความมั่นคงในชีวิตทางภาครัฐได้เล็งเห็นถึงความเสี่ยงจึงได้จัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงให้กับภาคประชาชน

ภาครัฐ = มี กบข.เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีกองทุนสงเคราะห์ครู หรือประกันสังคมส่งเสริมการเก็บเงินสมทบลูกจ้างนายจ้าง ภาคเอกชน = มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภาคประชาชน = ต่างคนต่างออม ใครไม่มีหนี้ก็ออมเอง แต่ส่วนใหญ่ยังขาดการตระหนักรู้ถึง ความจำเป็นของการออมเพื่อการเกษียณของตนเอง

ระบบบำนาญทั้ง 3 มิตินั้นก็แยกการควบคุมจัดการไปแต่ละส่วน ขาดการบริหารและมองภาพรวม กล่าวได้ว่า เป็นครั้งแรกที่ระบบบำนาญของประเทศไทยมีกรอบการดำเนินงานครบถ้วนรองรับประชาชนทุกภาคส่วน สามารถลดความเหลื่อมล้ำของสังคมในมิติ ด้านการออมเพื่อการเกษียณได้ และเป็นทางเลือกการออมในวัยชราได้

"กองทุนมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญ และให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ"

ใครบ้างที่สมัคร กองทุนการออมแห่งชาติได้

ผู้มีสิทธิ

ที่มาภาพ : สำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ

ผู้ไม่มีสิทธิ

ที่มาภาพ : สำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ

รับเงินสมทบจากรัฐบาลฟรี

ที่มาภาพ : สำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ

ที่มาภาพ : สำนักงานกองทุนการออมแห่งชาติ

ข้อดีของกองทุนการออมแห่งชาติ

ได้รับเงินบำนาญตลอดชีพ
รัฐบาลค้ำประกันผลตอบแทนจากการลงทุน
ลดหย่อนภาษีเต็มจำนวนเงินสะสมต่อปี
ส่งเงินสบาย ๆ สูงสุด 13,200 บาท/ปี ขั้นต่ำ 50 บาท/ครั้ง/เดือน

ออมอย่างไรจึงจะได้รับบำนาญตลอดชีวิต

ยอดเงินบำนาญหรือเงินรายเดือนที่สมาชิกจะได้รับ จะเป็นไปตามปริมาณเงินออมที่สมาชิกมีอยู่ในบัญชีกองทุนเมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ประกอบด้วย เงินสะสม เงินสมทบจากภาครัฐ และผลตอบแทนจากการลงทุน ตัวอย่าง การออมที่ทำให้ได้รับเงินบำนาญตลอดชีวิต ซึ่งยอดเงินบำนาญต่อเดือนเป็นผลจากการคำนวณสมมุติที่ว่าผลตอบแทนประมาณ 3.5%